8 วิธีตรวจเช็คสภาพรถยนต์ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ

8 วิธีตรวจเช็คสภาพรถยนต์ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ
8 วิธีตรวจเช็คสภาพรถยนต์ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ

เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 กลับมาระบาดอีกระลอกเป็นครั้งที่ 3 ทำให้หลายคนต้องกลับมา Work from Home แทนการเดินทางไปออฟฟิศ และต้องจอดรถทิ้งเอาไว้ที่บ้านเฉยๆ โดยไม่ได้ใช้งาน แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่จำเป็นต้องเดินทางไปทำงานโดยใช้รถยนต์ส่วนตัว อีกทั้งสภาพอากาศในตอนนี้ที่ฝนตกค่อนข้างบ่อย อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ดังนั้นจึงต้องหมั่นตรวจเช็คสภาพรถยนต์อยู่เสมอ เผื่อมีเหตุฉุกเฉินที่จำเป็นต้องใช้งานจะได้ไม่มีปัญหามากวนใจ วันนี้เราจึงรวบรวม 8 วิธีตรวจเช็คสภาพรถยนต์ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ มาฝากกันครับ

วิธีการตรวจเช็ครถ ต้องดูอะไรบ้าง ? 

แน่นอนว่าสิ่งสำคัญก่อนการเดินทาง คือ การตรวจเช็คสภาพรถยนต์ เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าเราจะสามารถเดินทางถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ดังนั้นเพื่อเป็นการไม่ประมาทเราขอแนะนำให้คุณตรวจเช็คสิ่งเหล่านี้ ได้แก่

1. เช็คแบตเตอรี่ 

อย่างแรกที่ต้องตรวจเช็คคือแบตเตอรี่ของรถยนต์ เพราะถือเป็นหัวใจสำคัญของการสตาร์ทรถเลยทีเดียว ก่อนที่จะใช้รถควรตรวจดูแบตเตอรี่ว่าอยู่ในสภาพที่พร้อมหรือสมบูรณ์หรือไม่ และควรทำความสะอาดคราบน้ำมัน สิ่งสกปรกที่ติดบนขั้วแบตเตอรี่ออก เช็คระดับน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่กำหนด ความแน่นของขั้วแบตและฉนวนหุ้มสายก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องตรวจสอบให้ดีเช่นกัน 

2. เช็คน้ำมันเครื่อง 

ต่อมาที่น้ำมันเครื่อง เพราะมีความสำคัญไม่แพ้น้ำมันเลยทีเดียว หากขาดน้ำมันเครื่องอาจทำให้เครื่องยนต์พังได้ เพราะเป็นตัวหล่อลื่นเครื่องยนต์ให้ลดแรงเสียดทาน ดังนั้นการตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องจึงเป็นเรื่องจำเป็น ซึ่งสามารถทำเองได้ง่ายๆ เพียงเปิดฝากระโปรงรถ มองหาจุดตรวจสอบน้ำมันเครื่องที่มีก้านพลาสติก หลังจากนั้นดึงออกมาแล้วดูว่าจุดของน้ำมันเครื่องอยู่ในระดับ Low หรือไม่ หากใช่แนะนำว่าให้เติมเลย ไม่ต้องรอให้ครบรอบเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง 

3. เช็คยางรถยนต์ 

เรียกได้ว่าเป็นเรื่องพื้นฐานที่คนมีรถต้องตรวจสอบเลยก็ว่าได้ นั่นคือการเช็คสภาพลมยางของรถทุกเส้น ก่อนที่จะเติมลมยางให้ได้มาตรฐานที่ได้กำหนดไว้ ที่สำคัญควรเติมลมยางสำหรับยางอะไหล่เผื่อเอาไว้ในกรณีฉุกเฉินด้วย นอกจากนี้ควรเช็กอายุของยางทุกเส้น เพราะหากยางหมดอายุอาจส่งผลต่อระบบเบรกซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

4. เช็คระบบหล่อเย็น 

ระบบหล่อเย็นคือสิ่งที่ควรตรวจสอบมากที่สุด ต้องเช็คการทำงานของระบบหล่อเย็นทุกครั้ง ถ้าหากเห็นหม้อน้ำมีปริมาณน้ำที่ลดน้อยลงมากกว่าปกติ นั่นคือสัญญาณบ่งบอกว่าคุณต้องรีบตรวจเช็คสภาพรถยนต์ก่อนเดินทางไกลให้เร็วที่สุด และต้องเช็คให้แน่ใจว่าระบบหล่อเย็นยังทำงานปกติหรือไม่ น้ำในหม้อน้ำยังมีอยู่หรือไม่ หากมีปัญหาจะได้แก้ไขได้ทันท่วงที

5. เช็คน้ำมันเบรกและระบบเบรก 

หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า หากน้ำมันเบรกหายจะต้องเติมน้ำมันเบรกเพื่อให้อยู่ในระดับปกติ แต่ที่จริงแล้วระบบเบรกคือระบบปิด น้ำมันเบรกจะอยู่ภายในระบบเบรก จะไม่ระเหยเหมือนน้ำมันเชื้อเพลิงถ้าผ้าเบรกไม่สึก ดังนั้น จึงควรเช็คน้ำมันเบรกและระบบเบรกให้ดีและมั่นใจว่าสามารถใช้งานได้ตามปกติก่อนที่จะออกเดินทาง 

6. เช็คไฟหน้ารถ 

อีกหนึ่งจุดสำคัญที่ควรตรวจสอบก็คือ ระบบไฟของรถ ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้ารถ ไฟสูง ไฟท้าย ไฟเลี้ยวทั้ง 2 ข้าง รวมไปถึงไฟเบรก เพราะในเวลากลางคืนรถยนต์ที่ไฟเสียหรือไม่สว่างเพียงพอ อาจทำให้ผู้ใช้ถนนร่วมกับคุณเกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้น ก่อนออกเดินทางไกลควรตรวจเช็คสภาพรถยนต์ให้แน่ใจว่าไฟทั้งหมดนี้สามารถใช้งานได้ปกติ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง

7. เช็คที่ปัดน้ำฝน 

ที่ปัดน้ำฝนอาจเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม ซึ่งบางครั้งเราไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดฝนตกลงมาเมื่อไร รวมถึงอาจมีสิ่งสกปรกต่างๆ มาเกาะที่กระจกขณะขับรถก็เป็นไปได้ หากที่ปัดน้ำฝนไม่สามารถใช้งานได้อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เพราะทัศนวิสัยในการมองเห็นแย่ลงขณะขับรถนั่นเอง ดังนั้นจึงควรตรวจสอบยางของที่ปัดน้ำฝนทุกครั้งไม่ว่าจะเดินทางใกล้หรือไกลนะครับ

8. เช็คประกันรถยนต์ 

สิ่งสำคัญข้อสุดท้ายที่ไม่ควรละเลยหลังจากตรวจเช็คสภาพรถยนต์แล้ว ก็คือการตรวจเช็คประกันรถยนต์ว่าใกล้หมดอายุหรือหมดอายุแล้วหรือยัง ก่อนออกเดินทางควรทำประกันรถยนต์ให้เรียบร้อยเสียก่อน เพื่อเพิ่มความอุ่นใจหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เพราะประกันรถยนต์จะช่วยแก้ปัญหาให้คุณได้ตั้งแต่ต้นจนจบ 

 

เป็นยังไงกันบ้างครับกับ 8 วิธีตรวจเช็คสภาพรถยนต์ ที่ทางเรานำมาฝากกัน เพราะรถก็เหมือนกับคนที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่เหมือนกัน หากพบอะไรที่ผิดปกติอย่ารอช้าที่จะแก้ไข เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง ครอบครัวและเพื่อนร่วมทางนะครับ รวมไปถึงการทำประกันภัยรถยนต์และ พ.ร.บ รถยนต์ เพื่อคุ้มครองรถยนต์และการเดินทางของเราให้ปลอดภัย หากยังไม่รู้ว่าจะซื้อประกันรถยนต์แบบไหน ให้ https://www.viriyah.com/ เป็นคนดูแลให้สิครับ อุ่นใจ รวดเร็วและครบจบในที่เดียว หมดกังวลเรื่องการเคลม

สำหรับใครที่กำลังมองหาประกันรถยนต์อยู่ การทำประกันภัยรถยนต์ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญในการคุ้มครองรถยนต์ของคุณได้ไม่ว่าจะเป็น ประกันรถยนต์นประเภท 1 ที่ดูแลครบ จบทุกความต้องการ หรือ ประกันรถยนต์ 2+ ซื้อง่ายคุ้มครองเร็ว หรือประกันรถยนต์ 3+ ประกันคุ้มจบในที่เดียว ลองเลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะสมกับคุณได้ที่ viriyah.com หรือโทรสอบถามรายละเอียดได้ที่เบอร์ 0-2129-7474  

อ่านบทความอื่นๆ