ขับรถมือสอง ต้องทำประกันรถชั้นไหน เลือกอย่างไร

ขับรถมือสอง ต้องทำประกันรถชั้นไหน เลือกอย่างไร
ขับรถมือสอง ต้องทำประกันรถชั้นไหน เลือกอย่างไร

ในปัจจุบันการขับรถมือสอง หรือซื้อรถมือสองได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งไม่ได้จำกัดเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้มากหรือรายได้น้อย ทำให้กลุ่มผู้คนที่เลือกใช้รถมือสองมีมากขึ้น รวมไปถึงกลุ่มของบริษัทประกันรถยนต์ที่ต่างก็เป็นที่ต้องการของผู้ที่ซื้อรถมือสองมาขับกันมากขึ้น เพราะไม่ว่าจะเป็นรถมือหนึ่งหรือรถมือสองต่างก็อยากได้ความคุ้มครองที่ดีด้วยกันทั้งนั้น 
 

รถมือสองทำไมต้องทำประกัน?

ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์มือหนึ่งหรือรถมือสอง ต่างก็ต้องทำประกันรถเพื่อลดความเสี่ยงกันทั้งนั้น เพราะไม่อาจรู้ได้ว่าอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นมีความเสียหายมากน้อยแค่ไหน และตัวผู้ขับขี่เองสามารถแบกรับค่าความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุนี้เพียงคนเดียวได้หรือไม่ ดังนั้นการทำประกันรถจึงเหมือนเป็นตัวช่วยผู้ขับขี่ให้อุ่นใจขึ้นเมื่อประสบอุบัติเหตุ

 

เลือกประกันรถยนต์สำหรับรถมือสอง ต้องดูอะไรบ้าง

สำหรับผู้ที่กำลังจะซื้อรถมือสอง หรือขับรถมือสองอยู่แต่ยังไม่ได้ทำประกันรถ ลองสังเกตรถคันที่ขับอยู่หรือกำลังจะตัดสินใจซื้อว่ามีสภาพรถเป็นอย่างไร พฤติกรรมการใช้รถของเจ้าของเดิมและของเราเป็นอย่างไร สุดท้ายคืองบประมาณของการทำประกันรถ ว่าประกันรถยนต์ชั้นไหนที่จะตอบโจทย์กับพฤติกรรมและอายุการใช้งานของรถเรามากที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าพฤติกรรมและงบประมาณนั้นเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลเท่านั้น ดังนั้นหากต้องการเลือกประกันรถยนต์สำหรับรถมือสอง ให้ดูจากสภาพรถและค่อยตัดสินใจ ดังต่อไปนี้
1. รถมือสอง 1-5 ปี
ทุกคนอาจคิดว่ารถมือสอง คือรถที่ผ่านการใช้งานมาเยอะ แต่ในยุคนี้มีรถมือสองที่มีอายุ 1-5 ปี จำนวนไม่น้อย ดังนั้นรถมือสองที่มีอายุ 1-5 ปี ส่วนใหญ่จึงเป็นรถใหม่ป้ายแดงที่มีการทำประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองอยู่แล้ว เพื่อให้ประกันรถยนต์คุ้มครองในส่วนของการเกิดอุบัติเหตุในกรณีที่ไม่มีคู่กรณี เนื่องจากผู้ขับขี่บางคนอาจจะมีทักษะการขับขี่ไม่ดีพอหรือประสบการณ์น้อย ซึ่งเมื่อผ่านการใช้งานไปสักระยะ หากต้องการเปลี่ยนไปเป็นประกันรถยนต์ชั้น 2 หรือ ประกันรถยนต์ 2+ ก็สามารถทำได้ 
2. รถมือสอง 5-7 ปี 
ถัดมาคือรถมือสองที่มีอายุการใช้งาน 5-7 ปี ซึ่งถือว่าเป็นรถที่ผ่านการใช้งานมาระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นการเลือกประกันรถยนต์ชั้น 2 หรือ 2+ จึงมีความเหมาะสมกับรถมือสองที่มีสภาพกลางๆ ไม่เก่า ไม่ใหม่ เนื่องจากผู้ขับขี่มีความชำนาญและมีทักษะในการขับขี่ที่มากขึ้น หรือสำหรับบางคนที่ต้องการลดรายจ่ายในส่วนของเบี้ยประกัน ก็นับว่าประกันรถยนต์ชั้น 2 หรือ ประกันรถยนต์ 2+ นั้นตอบโจทย์ที่สุด โดยความคุ้มครองที่จะได้รับจากแผนประกันรถชั้น 2 หรือ ประกันรถยนต์ 2+ นั้นก็มีความใกล้เคียงกับประกันรถยนต์ชั้น 1 เลย
3. รถมือสองอายุมากกว่า 7 ปี
สำหรับในข้อนี้ รถมือสองที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 7 ปีขึ้นไป จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือรถที่ผ่านการใช้งานมาอย่างเต็มที่ กับ รถเก่าวินเทจ ที่ยังมีสภาพที่ดูดีเนื่องจากไม่ค่อยได้ใช้งาน ดังนั้นการเลือกประกันรถยนต์ชั้น 3 หรือ ประกันรถยนต์ 3+ จึงเหมาะกับรถมือสองที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 7 ปีขึ้นไป ที่ยังต้องการความคุ้มครองเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งจะคุ้มครองในส่วนของรถและทรัพย์สินของคู่กรณี พร้อมทั้งช่วยซ่อมรถของผู้เอาประกันอีกด้วย แต่ในกรณีรถชนกับรถเพียงเท่านั้น

สิ่งที่ต้องคิดให้ดีก่อนซื้อรถมือสองมาใช้งาน

1. งบประมาณในการซื้อรถ
ขึ้นชื่อว่ารถยนต์ไม่ว่าจะเป็นรถมือหนึ่งหรือรถมือสอง ก็มีค่าใช้จ่ายมากพอสมควร ดังนั้นควรจัดสรรงบประมาณในการซื้อรถให้ดี ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายด้วยเงินสด หรือแบบผ่อนจ่าย ไม่ควรให้การซื้อรถมือสองมาเป็นภาระทางการเงินหนักจนเกินไป เพราะเมื่อคุณเป็นเจ้าของรถแล้วจะไม่ได้มีค่าใช้จ่ายเพียงแค่ค่าซ่อมบำรุงอย่างเดียว แต่จะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามมาอีกด้วย
2. การใช้งานในชีวิตประจำวัน
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า รถยนต์แต่ละประเภทมีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ถึงแม้จะเป็นรถมือสอง แต่หากเลือกซื้อเป็นรถคันแรกก็ควรที่จะไตร่ตรองและเลือกให้ดีที่สุด โดยอาจจะเลือกจากจุดประสงค์ของการซื้อรถ เช่น ซื้อเพื่อสำหรับขนส่งสินค้า หรือซื้อมาเพื่อเป็นรถครอบครัว เป็นต้น รวมไปถึงตัวแปรที่สำคัญนั่นก็คือพฤติกรรมการขับขี่ของเราเป็นแบบไหนอีกด้วย
3. ความสามารถในการดูแลรถอยู่ในระดับใด
เนื่องจากรถมือสองเป็นรถที่มีความเสี่ยงในการซ่อมค่อนข้างสูง ทั้งปัญหาที่มาจากชิ้นส่วนอะไหล่และปัญหาต่างๆ ที่เกิดจากภายในรถ หากคุณซื้อรถมือสองที่เป็นที่รู้จักในไทย คุณอาจได้เปรียบตรงที่มีอู่ซ่อมรถและชิ้นส่วนอะไหล่สำรองให้คุณเปลี่ยน แต่ถ้าซื้อรถมือสองรุ่นเก่าที่ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก คุณจำเป็นต้องมีความรู้เรื่องรถพอสมควรเพื่อคุยกับอู่ซ่อมได้ง่าย โดยไม่จำเป็นต้องไปเข้าอู่แพงๆ 
4. อายุการใช้งานของรถมือสอง
ข้อสุดท้ายนี้ ด้วยความที่รถมือสองผ่านการใช้งานมาระยะหนึ่ง อาจทำให้กลไกลหรือชิ้นส่วนภายในรถเสื่อมสภาพลงตามกาลเวลา ดังนั้นการเช็กอายุของรถก่อนที่จะทำการซื้อขาย จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ซึ่งการเช็กอายุของรถมือสองนั้น สามารถเช็กได้ผ่านเลขไมล์ว่าผ่านการใช้งานมากน้อยเพียงใด และในจุดนี้ยังช่วยคุณสามารถประเมินเกี่ยวกับการทำประกันรถได้อีกด้วย

ข้อควรรู้เกี่ยวกับรถมือสอง

นอกจากเรื่องเกี่ยวกับการเลือกประกันรถยนต์และทำประกันรถของรถมือสองแล้ว ยังมีเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับรถมือสองอีก ดังนี้
1. ตรวจประวัติ
ในการซื้อรถมือสอง ก่อนที่จะทำการซื้อขายกับเจ้าของรถเดิม ควรตรวจสอบประวัติของรถให้ละเอียดก่อน เพื่อที่จะได้ทราบว่ารถคันนี้ผ่านอะไรมาบ้าง ถูกดัดแปลงส่วนใด หรือมีปัญหาตรงจุดไหนบ้าง รวมถึงเรื่องของกฎหมายอีกด้วย เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจว่าคุ้มค่าที่จะซื้อต่อมาขับขี่หรือไม่
2. ตรวจสภาพรถ
อีกเรื่องที่ต้องตรวจสอบคือเรื่องของสภาพรถ เนื่องจากรถมือสองผ่านการใช้งานจากบุคคลอื่นมาก่อนที่จะมาถึงมือของคุณ ดังนั้นการตรวจสภาพรถเบื้องต้น จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ห้ามลืมเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสภาพรถด้วยตนเองหรือผู้เชี่ยวชาญก็ตาม (สามารถอ่าน 8 วิธีตรวจเช็คสภาพรถยนต์ ให้พร้อมใช้งาน ได้ที่นี่ครับ)
3. คุยกับเจ้าของรถ
ในส่วนของการพูดคุยเป็นอีกข้อสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถรู้ได้ว่า เจ้าของรถมือสองที่คุณกำลังติดต่อซื้อขาย มีพฤติกรรมและอุปนิสัยในการขับขี่แบบไหน โดยอาจเป็นการสอบถามเกี่ยวกับเรื่องของสภาพรถเบื้องต้นก็ได้
4. ค่าใช้จ่ายอื่นๆ หลังจากซื้อรถมือสอง
ขึ้นชื่อว่ารถมือสองสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจและยอมรับ คือ ปัญหาของรถที่ตามมาทั้งๆ ที่ตอนตรวจสภาพรถเบื้องต้นไม่เจอ ทั้งในส่วนของอะไหล่และปัญหาส่วนอื่นๆ ดังนั้นจึงควรตรวจสอบและเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่ให้เรียบร้อย ก่อนที่จะนำออกไปขับขี่ เพื่อความปลอดภัยและไม่สร้างความหงุดหงิดตอนขับขี่ รวมไปถึงการทำประกันรถอีกด้วย เพื่อรองรับความเสี่ยงหากเกิดปัญหาขึ้น


เห็นกันมั้ยครับว่าการซื้อรถมือสอง มีอะไรมากกว่าเพียงแค่ความชื่นชอบอย่างเดียวเท่านั้น แต่สิ่งที่ต้องมีควบคู่ไปด้วยกันก็คือความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรถมือสอง รวมไปถึงความเข้าใจในการเลือกประกันรถยนต์ให้กับรถมือสองที่ขับอยู่อีกด้วย เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่หรือรถยนต์ก็ต้องการดูแลเอาใจใส่กันทั้งนั้น 

สำหรับใครที่กำลังมองหาประกันรถยนต์อยู่ การทำประกันภัยรถยนต์ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญในการคุ้มครองรถยนต์ของคุณได้ไม่ว่าจะเป็น ประกันรถยนต์นประเภท 1 ที่ดูแลครบ จบทุกความต้องการ หรือ ประกันรถยนต์ 2+ ซื้อง่ายคุ้มครองเร็ว หรือประกันรถยนต์ 3+ ประกันคุ้มจบในที่เดียว ลองเลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะสมกับคุณได้ที่ viriyah.com หรือโทรสอบถามรายละเอียดได้ที่เบอร์ 0-2129-7474  

อ่านบทความอื่นๆ