เชื่อว่าคนรักรถทุกคนโดยเฉพาะผู้ชาย มักชื่นชอบการแต่งรถยนต์ นับเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่ได้เห็นรถที่ตนเองรักมีอุปกรณ์เท่ๆ เด็ดๆ อยู่บนรถ แต่การแต่งรถยนต์ก็มีข้อควรระวังและต้องทำความเข้าใจอยู่ นั่นก็คือ เรื่องของประกันรถยนต์ ซึ่งคนที่แต่งรถยนต์มักจะมีคำถามและข้อสงสัยทุกครั้งในการทำประกันรถยนต์ว่า แต่งรถยนต์แบบนี้ ประกันรถยนต์จะให้ความคุ้มครองหรือไม่ วันนี้เราได้รวบรวมคำตอบที่จะทำให้คลายข้อสงสัยกันครับ

ความคุ้มครองของประกันรถยนต์ ต่อการแต่งรถยนต์

สำหรับคนที่แต่งรถยนต์มาก่อนทำประกันรถยนต์ ทางบริษัทประกันฯ จะทำการตรวจสภาพรถยนต์รวมถึงประเมินราคาของชุดอุปกรณ์ที่แต่งรถยนต์เพิ่มเติม เพื่อคำนวณออกมาเป็นราคาของเบี้ยประกันรถยนต์รายปีให้กับลูกค้า
หากเป็นลูกค้าเดิมที่ทำประกันรถยนต์อยู่แล้ว แต่อยากแต่งรถยนต์เพิ่มเติม อาจต้องสอบถามกับทางบริษัทประกันฯ เรื่องการติดตั้งอุปกรณ์แต่งรถยนต์ต่างๆ ว่าคุ้มครองครอบคลุมหรือไม่ เนื่องจากการแต่งรถยนต์จะส่งผลต่อเบี้ยประกันรายปีที่ไม่เท่ากัน รวมไปถึงการเคลมประกันรถเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งลูกค้าต้องทำความเข้าใจและศึกษารายละเอียดให้รอบคอบอีกด้วย

โดยรถยนต์ที่แต่งแล้วประกันรถยนต์ยังคุ้มครอง ก็คือ รถยนต์ที่แต่งเพื่อความสวยงามและเป็นการติดตั้งอุปกรณ์พื้นฐานทั่วไป เช่น

• ติดสปอยเลอร์
• ติดสเกิร์ต
• ติดสติ๊กเกอร์ตกแต่ง
• เปลี่ยนล้อแม็กใหม่
• เปลี่ยนเครื่องเสียงใหม่
• ติดตั้งแก๊สรถยนต์

ซึ่งการแต่งรถยนต์ประเภทนี้ยังอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทประกันหากคุณแจ้งบริษัทประกันรถยนต์เกี่ยวกับอุปกรณ์ตกแต่งให้เรียบร้อย เพราะการแต่งรถในลักษณะนี้ไม่ส่งผลเสียต่อตัวรถหรือสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และเมื่อเกิดอุบัติเหตุสามารถยื่นเคลมประกันรถได้ ไม่เกิน 20,000 บาท/ครั้ง เท่านั้น

แต่งรถยนต์แบบไหน ประกันรถยนต์ไม่(ให้)ความคุ้มครอง
กรณีที่ประกันรถยนต์จะไม่ให้ความคุ้มครอง ต่อเมื่อแต่งรถยนต์เพื่อเพิ่มความเร็ว เพราะถือว่าผิดประเภท ดังนี้

• ดัดแปลงเครื่องยนต์เพื่อให้แรงขึ้น มีเกจวัดเต็มแผงคอนโซล
• ติดตั้งท่อไอเสียที่มีเสียงดังเกิน 100 เดซิเบล
• ดัดแปลงสีไฟที่ไม่ใช่สีที่ควรจะเป็น เช่น ไฟเบรกไม่ใช่สีแดง ไฟเลี้ยวไม่ใช่สีส้ม เป็นต้น
• รถแต่งซิ่ง โหลดต่ำกว่า 40 เซนติเมตร
• แผ่นป้ายทะเบียนไม่ใช่อันเดิมที่กรมขนส่งออกให้
• เปลี่ยนสีรถทั้งคัน โดยไม่ได้แจ้งกรมขนส่งทางบก

ซึ่งการแต่งรถในลักษณะนี้ เป็นการแต่งรถยนต์ที่ผิดกฎหมายและเป็นการใช้รถผิดประเภท ซึ่งผู้เอาประกันอาจมีจุดประสงค์เพื่อนำไปใช้ในการแข่งขัน ทำให้บริษัทประกันรถยนต์ไม่รับทำประกันให้ เพราะมองว่าเป็นรถที่มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูงและมีความเสี่ยงมากกว่ารถยนต์ทั่วไป อีกทั้งอาจมีค่าเสียหายที่สูงมากอีกด้วย

การเคลมประกันรถและเพิ่มวงเงินในการเคลม

สำหรับผู้ที่แต่งรถยนต์และอยากได้รับความคุ้มครองเพิ่มเติม รวมถึงวงเงินในการเคลมประกันรถที่สูงขึ้น เผื่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดจะได้ไม่ต้องควักเงินจ่ายเอง คุณสามารถแจ้งกับบริษัทประกันให้คุ้มครองครอบคลุมถึงอุปกรณ์แต่งรถด้วยได้ โดยการยื่นเอกสาร ดังนี้

1. ยื่นใบเสร็จของอุปกรณ์แต่งรถยนต์ หรือภาพถ่ายของใบเสร็จ ส่งให้บริษัทประกันเพื่อประเมินราคา
2. รอบริษัทประกันคำนวณค่าเบี้ยประกันเพิ่มเติม
3. ชำระค่าเบี้ยประกัน
4. บริษัทประกันจะออกใบกรมธรรม์เพิ่มเติม หรือใบสลักหลังให้กับผู้เอาประกัน ซึ่งจะเป็นในส่วนที่คุ้มครองอุปกรณ์การแต่งรถยนต์ที่เพิ่มเติม

สามารถอ่านข้อมูล "สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเคลมประกันรถยนต์ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ" ได้ที่นี่ครับ

เพียงเท่านี้คุณก็ได้รับความคุ้มครองที่มากกว่าเดิมแล้ว อีกทั้งยังสามารถส่งเคลมประกันรถได้ตามที่ตกลงกันไว้อีกด้วย

สำหรับใครที่กำลังมองหาประกันรถยนต์อยู่ การทำประกันภัยรถยนต์ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญในการคุ้มครองรถยนต์ของคุณได้ไม่ว่าจะเป็น ประกันรถยนต์นประเภท 1 ที่ดูแลครบ จบทุกความต้องการ หรือ ประกันรถยนต์ 2+ ซื้อง่ายคุ้มครองเร็ว หรือประกันรถยนต์ 3+ ประกันคุ้มจบในที่เดียว ลองเลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะสมกับคุณได้ที่ viriyah.com หรือโทรสอบถามรายละเอียดได้ที่เบอร์ 0-2129-7474