ร้อนนี้ต้องระวัง! อากาศร้อนส่งผลกับรถยนต์ EV ของคุณอย่างไร


อากาศที่ร้อนจัดไม่เพียงส่งผลกระทบต่อร่างกายของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แถมยังมีผลต่อประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ด้วย โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นจนเกินลิมิต ซึ่งอาจทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ ของรถยนต์ EV เช่น แบตเตอรี่, ระบบทำความเย็น ฯลฯ มาดูกันว่าอากาศร้อนส่งผลกระทบต่อรถยนต์ EV อย่างไร และมีวิธีป้องกันอย่างไรบ้าง
อากาศร้อนส่งผลอย่างไรกับรถยนต์ EV ?
1. แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น
แบตเตอรี่รถยนต์ EV จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพที่สุดในช่วงอุณหภูมิ 22 - 32 องศา หากรถยนต์ EV เจอกับสภาพอากาศร้อนจัดหรือมีอุณหภูมิสูงกว่า 35 องศา อาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของแบตเตอรี่ลดลง รวมถึงการระบายความร้อนของแบตเตอรี่อาจมีประสิทธิภาพลดลงตาม นอกจากนี้สภาพอากาศที่ร้อนจัดยังทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น และส่งผลต่อประสิทธิภาพการกักเก็บพลังงานของแบตเตอรี่อีกด้วย
2. ระยะทางที่วิ่งได้ลดลง
เป็นผลพวงมาจากประสิทธิภาพการทำงานของแบตเตอรี่รถยนต์ EV ที่ลดลงหลังจากเจอสภาพอากาศร้อน แม้ว่าจะมีระบบระบายความร้อนที่ช่วยลดผลกระทบจากอุณหภูมิอยู่ก็ตาม แต่เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้แบตเตอรี่ระบายความร้อนได้ยากขึ้น ทำให้ต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสม เมื่อแบตเตอรี่ลดลงย่อมทำให้ระยะทางขับขี่ของรถยนต์ EV ลดลงไปถึง 15%
3. ยางเสื่อมสภาพ
อุณหภูมิที่สูงขึ้นไม่เพียงทำให้ชิ้นส่วนอื่นๆ ของรถยนต์ EV ได้รับผลกระทบเท่านั้น แต่ยังทำให้อากาศในยางของรถยนต์ EV ขยายตัวและเพิ่มแรงดันลมยางให้สูงขึ้นด้วย ซึ่งอาจทำให้ยางสึกหรอเร็วขึ้น ยึดเกาะถนนได้ไม่ดี เสี่ยงต่อการระเบิดและยังทำให้อายุการใช้งานของยางสั้นลงด้วย
4. ระบบทำความเย็นทำงานหนักขึ้น
เนื่องจากรถยนต์ EV ไม่มีเครื่องยนต์เหมือนกับรถยนต์สันดาปทั่วไปที่สามารถกระจายความร้อนได้ เมื่อขับขี่เป็นเวลานานจึงทำให้ระบบทำความเย็นของรถยนต์ EV ต้องทำงานหนักขึ้น เพราะต้องลดอุณหภูมิของแบตเตอรี่ให้เย็นลงเมื่อเจอกับอากาศร้อนจัด และแม้ระบบระบายความร้อนในแบตเตอรี่รถยนต์ EV จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ก็ไม่ใช่ทุกรุ่นที่มีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนภายในแบตเตอรี่ได้ดีนั่นเอง
5. ประสิทธิภาพเบรกลดลง
เพราะการเหยียบเบรกแต่ละครั้งจะมีความร้อนเกิดขึ้น เมื่อเจอกับอากาศร้อนจะยิ่งทำให้ความร้อนสะสมที่จานเบรกมากขึ้นจนทำให้จานเบรกคดหรือเบี้ยว ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เหยียบเบรกไม่ลง อีกทั้งระบบเบรกที่ช่วยเปลี่ยนพลังงานจากการเบรกกลับมาเป็นไฟฟ้าอาจทำงานได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากแบตเตอรี่เสื่อมสภาพนั่นเอง
วิธีป้องกันรถยนต์ EV ในช่วงหน้าร้อน
อากาศร้อนเป็นปัจจัยภายนอกที่เราไม่สามารถควบคุมได้ แต่เราสามารถยืดอายุการใช้งานรถยนต์ EV และช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์ EV ได้ด้วยวิธีเหล่านี้
1. จอดรถในที่ร่ม
การจอดรถในที่ร่มหรือพื้นที่ที่มีหลังคาเป็นวิธีป้องกันรถยนต์ EV จากความร้อนที่ง่ายที่สุด เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันแสงแดดที่ส่องถึงตัวรถแล้ว ยังช่วยลดการคายประจุไฟฟ้าของแบตเตอรี่ และทำให้แบตเตอรี่รถยนต์ไม่ร้อนอีกด้วย
2. หลีกเลี่ยงการชาร์จแบตเร็ว
เพราะการชาร์จแบตเตอรี่เร็วจะทำให้อุณหภูมิของแบตเตอรี่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ในช่วงที่อากาศร้อนจัดให้หลีกเลี่ยงการชาร์จแบตเตอรี่แบบชาร์จเร็ว หากมีความจำเป็นต้องชาร์จแบตแบบเร็วแนะนำให้ชาร์จเพียง 80% และไม่ควรชาร์จแบตเตอรี่ในช่วงที่ร้อนที่สุดของวัน
3. ชาร์จแบตเตอรี่ไม่เกิน 80%
การชาร์จแบตเตอรี่เพียง 80% แทนการชาร์จเต็ม 100% จะช่วยลดความร้อนสะสมจากความต้านทานภายในแบตเตอรี่ ขณะชาร์จพลังงาน โดยควรเปิดระบบระบายความร้อนรถยนต์ล่วงหน้าขณะที่เสียบชาร์จ เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์ EV
4. เติมลมยางให้พอดี
อึกหนึ่งวิธีป้องกันรถยนต์ EV ในอากาศร้อน คือ การเติมลมยางให้เหมาะสม เพื่อลดแรงต้านการหมุนและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของรถ อีกทั้งควรขนสัมภาระเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพราะการขนของที่มีน้ำหนักเบาจะช่วยเพิ่มระยะการวิ่งของรถได้ แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม
ได้รู้กันแล้วว่าเมื่อรถยนต์ EV ของคุณต้องเจอกับสภาพอากาศร้อนจะส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ หรือประสิทธิภาพการขับขี่ที่ลดลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม คุณสามารถป้องกันรถยนต์ EV จากอากาศร้อนๆ ด้วยวิธีที่เรานำมาฝาก ซึ่งจะช่วยให้รถยนต์สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแม้จะเจอกับสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวแค่ไหนก็เอาอยู่!
นอกจากดูแลรถยนต์ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานแล้ว อย่าลืมใส่ใจความปลอดภัยในการเดินทางด้วยการทำประกันรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อเพิ่มความอุ่นใจในการเดินทาง และได้รับความคุ้มครองเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน ใครที่มองหาประกันรถยนต์ไฟฟ้าอยู่เราขอแนะนำ ประกันรถยนต์ไฟฟ้าจากวิริยะประกันภัย สามารถเข้าไปดูรายละเอียดประกันเพิ่มเติมได้ที่ www.viriyah.com หรือ โทร. 0-2129-7474