โพสต์เดียวจบ! เปิดคู่มือเลือกรถ Big Bike ที่ไบเกอร์มือใหม่สายซิ่งควรรู้

โพสต์เดียวจบ! เปิดคู่มือเลือกรถ Big Bike ที่ไบเกอร์มือใหม่สายซิ่งควรรู้
โพสต์เดียวจบ! เปิดคู่มือเลือกรถ Big Bike ที่ไบเกอร์มือใหม่สายซิ่งควรรู้

 

      เชื่อว่าไบเกอร์สายซิ่งทุกคนที่หลงใหลการขับขี่มอเตอร์ไซค์ มีความฝันที่อยากจะสัมผัสฟีลลิ่งของความเร็ว แรงบิดและเสียงท่อที่เร้าใจสุดๆ อย่างรถ bigbike ซึ่งหลายคนอาจมีตัวเลือกในใจมากมาย และต้องเคยแวะไปดูตัวจริงกันมาแล้วอย่างแน่นอน แต่ก่อนจะควักเงินซื้อต้องรู้ก่อนว่ารถ bigbike ในปัจจุบันนั้นมีกี่ประเภท เพราะไม่ใช่ทุกคันที่เหมาะกับมือใหม่! 

บทความนี้จึงเป็นคู่มือเบื้องต้นที่จะพาไบเกอร์มือใหม่ไปทำความเข้าใจรถ bigbike ให้มากขึ้น รถแบบไหนที่เหมาะกับคุณ ก่อนจะตกลงปลงใจเลือกรถคันแรก

 

รถ Bigbike คืออะไร?

Bigbike เป็นรถจักรยานยนต์ประเภทหนึ่งที่มีขนาดใหญ่กว่ารถมอเตอร์ไซค์ทั่วไป โดยจะมีขนาดเครื่องยนต์ตั้งแต่ 250 cc ขึ้นไป ซึ่งตามกฎหมายแล้วเหล่าไบเกอร์ที่ขี่รถบิ๊กไบค์ตั้งแต่ขนาด 400 cc ขึ้นไปจะต้องทำใบขับขี่แยกชนิดจากรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไป ทำให้เห็นได้ว่าในทางกฎหมายนั้นกำหนดให้รถบิ๊กไบค์ คือรถมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาด 400 cc ขึ้นไปนั่นเอง

 

รู้จักรถ Bigbike แต่ละประเภท

ทำความรู้จักรถ bigbike เบื้องต้นกันไปแล้วว่าคืออะไร? แต่สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งจะเริ่มเข้าวงการคงมีคำถามอย่างแน่นอนว่า bigbike มีกี่ประเภท เพราะคนทั่วไปมักจะมองว่ารถ bigbike เป็นเพียงรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่สมรรถนะสูง ท่อดัง ดีไซน์เท่เท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว bigbike มีหลายประเภทด้วยกัน เพื่อช่วยให้ตัดสินใจเลือกซื้อรถ bigbike ที่ตรงใจได้ง่ายขึ้นเราจะพาคุณไปรู้จักบิ๊กไบค์ให้มากขึ้นกันว่ามีกี่ประเภท ดังนี้

 

1. ทัวร์ริ่งไบค์ (Touring Bike)

เป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการขับขี่ทางไกล ด้วยดีไซน์เบาะขนาดใหญ่ช่วยให้การนั่งขับขี่สบายขึ้น และมาพร้อมกับช่วงล่างที่นุ่มนวล จะขี่บนทางขรุขระหรือทางลูกรังก็เอาอยู่ และยังมีกระเป๋าอเนกประสงค์ที่สามารถขนสัมภาระได้เยอะอยู่บริเวณท้ายรถ ทำให้ไม่เกะกะการขับขี่ด้วย เรียกได้ว่าเป็นรถ bigbike ที่เหมาะกับไบเกอร์สายเที่ยวหรือคนที่หลงรักการเดินทางไกลอย่างมาก

 

2. สปอร์ตไบค์ (Sport Bike)

เอาใจไบเกอร์สายซิ่ง สายเท่ ด้วยสปอร์ตไบค์! รถ bigibke ที่มีการออกแบบแฟริ่งตามหลักอากาศพลศาสตร์ หรือที่เรียกกันว่าแอโรไดนามิค (Aerodynamic) ทำให้ดูโฉบเฉี่ยว มีน้ำหนักเบา การขับขี่มีความคล่องตัวสูงและมีขนาดเครื่องยนต์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ 250 cc. ถึง 1,000 cc. พร้อมสมรรถนะอื่นๆ อย่างช่วงล่าง ระบบเบรก แรงบิด จึงทำให้สปอร์ตไบค์กลายเป็นรถ bigbike อีกหนึ่งประเภทที่ได้รับความสนใจอย่างมาก

 

3. เน็คเก็ตไบค์ (Naked Bike)

รถ bigbike ยอดนิยมอีกหนึ่งประเภทที่มีต้นแบบมาจากสปอร์ตไบค์ผสมผสานกับทัวร์ริ่งไบค์ ด้วยการปรับดีไซน์ให้มีความน่าสนใจ ดูทันสมัยขึ้น ทั้งการปรับแฮนด์ให้สูงขึ้น การเปลือยแฟริ่งด้านล่างเพื่อโชว์ตัวเครื่องยนต์ และปรับเบาะนั่งให้นั่งสบายมากขึ้น ช่วยให้ขับขี่สนุกและขับขี่ได้นานขึ้น จึงเป็นรถ bigbike ลูกผสมที่มีทั้งดีไซน์ที่โดดเด่นและสมรรถนะสูงนั่นเอง

 

4. เอ็นดูโรไบค์ (Enduro Bike)

อีกหนึ่งประเภทรถ bigbike ที่มีความเฉพาะตัวสูงอย่าง ‘เอ็นดูโรไบค์’ ที่ใส่ความเป็นวิบากเข้าไปด้วยการดีไซน์ตัวรถให้มีความสูงโปร่ง คล่องตัวและแข็งแรง ทั้งร่องดอกยางมอเตอร์ไซค์ที่มีความลึกพิเศษ ตุ่มยางที่เหมือนมอเตอร์ครอสให้สามารถลุยไปได้ทุกเส้นทาง ทุกสภาพถนน bigbike ประเภทนี้จึงเป็นที่นิยมในกลุ่มไบเกอร์สายลุย หรือคนที่มีไลฟ์สไตล์ลุยๆ ที่ชื่นชอบการขับขี่ผจญภัยหรือขับขี่บนเส้นทางที่เข้าถึงได้ยาก อาจไม่เหมาะสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มหัดขี่

 

5.แอดเวนเจอร์ไบค์ (Advanture Bike)

รถ bigbike ประเภทนี้จะมีความใกล้เคียงกับรถมอเตอร์ไซค์วิบากอย่างมาก เพียงแต่จะมีการเสริมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ เข้ามาเพื่อช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งรูปแบบการขับขี่ก็สามารถขี่ตะลุยไปได้ทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นทางขรุขระ ทางลูกรัง เส้นทางออฟโร้ดต่างๆ ทางเรียบไม่ต้องพูดถึง… ขับขี่สนุกแน่นอน เหมาะสำหรับไบเกอร์ที่ชื่นชอบความท้าทายหรือความตื่นเต้นที่ได้ขับขี่บนเส้นทางยากๆ ใครที่มีไลฟ์สไตล์แบบนี้แอดเวนเจอร์ไบค์คือคำตอบ!

 

6. ชอปเปอร์ หรือ ครุยเซอร์ไบค์ (Chopper & Cruiser Bike)

หากพูดถึงคนขี่มอเตอร์ไซค์ใส่ชุดหนัง กางเกงยีนส์ และแว่นตากันแดด เชื่อว่าหลายคนต้องนึกถึงกลุ่มมอเตอร์ไซค์อย่างชอปเปอร์หรือครุยเซอร์แน่นอน เพราะนอกจากมีการแต่งตัวที่เป็นเอกลักษณ์ และมีความเท่แบบผู้ชายแมนๆ แล้ว รถ bigbike คันใหญ่อย่างชอปเปอร์หรือครุยเซอร์ยังมีที่ดีไซน์สวยงามตั้งแต่ภายนอกไปจนถึงชิ้นส่วนต่างๆ ของตัวรถ ด้วยการตัดชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็นออกไปเพื่อให้ตัวรถมีความเบา คล่องตัว และยังมีจุดเด่นอย่างโช้คหน้าที่ยาวเป็นพิเศษ และแฮนด์มอเตอร์ไซค์ที่ปรับสูงขึ้น เบาะนั่งมีการออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานทั้งการขับขี่ในเมือง หรือขี่ออกทริปทางไกลก็นั่งสบาย ใครที่เป็นคนรักรถคลาสสิกต้องไม่พลาด

 

7. สแครมเบลอร์ (Scrambler)

เป็นรถ bigbike ที่เกิดจากการ Custom ในปี 1920 ให้เป็นรถสไตล์วินเทจกึ่งรถวิบากที่สามารถขับขี่ได้ทุกพื้นถนน ดีไซน์ภายนอกจะมีความวินเทจ คลาสสิก และมีความสูงเพื่อช่วยให้รถสามารถวิ่งลุยน้ำ หรือลุยทางฝุ่นได้ดี สแครมเบลอร์จึงเป็นอีกหนึ่งประเภทรถ bigbike ที่สายลุยน่าจับจอง 

 

สิ่งที่มือใหม่ต้องรู้! ก่อนเลือกรถ Bigbike

เมื่อรู้แล้วว่า bigbike มีกี่ประเภท แต่ละประเภทเป็นอย่างไร และเพื่อให้คุณสามารถเลือกรถ bigbike ให้ถูกใจและขับขี่สนุกนี่คือสิ่งที่ควรพิจารณา

1.เลือกรถให้ตรงกับไลฟ์สไตล์

เป็นถามเบสิกเหมือนกับการเลือกรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไปเลยก็ว่าได้กับการเลือกรถ bigbike แบบไหนดี? ซึ่งคำตอบที่เหมาะสมและถูกต้องที่สุดอาจต้องมาจากตัวคุณเอง เช่น หากชื่นชอบความเร็ว อยากดูเท่ ดูสปอร์ต การเลือกรถ bigbike ประเภทสปอร์ตไบค์ หรือ Naked bike ก็ตอบโจทย์ ถ้าเป็นสายท่องเที่ยว ชอบการขับขี่แบบเป็นก๊วน รถ bigbike ประเภททัวร์ริ่งหรือชอปเปอร์อาจตรงใจมากกว่า ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจซื้อควรไตร่ตรองให้ดีก่อนว่าเหมาะกับไลฟ์สไตล์การขับขี่ของเราจริงๆ 

2. งบประมาณ

นอกจากเลือกรถให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแล้ว เรื่องงบประมาณก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา เพราะไม่ใช่แค่ซื้อแล้วจบ แต่ยังมีค่าประกัน ค่าบำรุงรักษา ฯลฯ หากเกิดเหตุไม่คาดฝันหรือรถเสียขึ้นมาก็เป็นค่าใช้จ่ายจำนวนไม่น้อย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องคำนวณงบประมาณสำรองในส่วนนี้เอาไว้ด้วย อีกทั้งยังมีค่าอุปกรณ์เซฟตี้ต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการขับขี่รถ bigbike ไม่ว่าจะเป็นหมวกกันน็อก, ถุงมือ, รองเท้า, เกราะ, กางเกงการ์ดและเสื้อการ์ด เพราะมันสามารถช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ 

อุปกรณ์เพิ่มความสะดวกในการขับขี่ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้เช่นกัน ไม่ว่าคุณจะซื้อรถ bigbike มาเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน ท่องเที่ยว หรือใช้งานทั่วไป การเสริมอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อช่วยให้การขับขี่สะดวกและง่ายมากยิ่งขึ้นอย่าง กล่องใส่สัมภาระ, แท่นวางมือถือสำหรับดูหน้าจอ GPS, เครื่อง GPS สำหรับดูเส้นทาง หรือ Bluetooth สำหรับพูดคุยสื่อสาร ก็ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมสำรองเอาไว้ด้วยเช่นกัน

 

3. บริการหลังการขาย

การตรวจสอบหรือสอบถามเกี่ยวกับบริการหลังการขาย เป็นเรื่องสำคัญที่คุณจำเป็นต้องรู้เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอะไหล่ อู่ซ่อมรถต่างๆ ว่ามีบริการอย่างไร หรือพร้อมดูแลรถ bigbike ของคุณมากแค่ไหน หากรถบิ๊กไบค์คู่ใจต้องจอดทิ้งไว้นานเพราะต้องรออะไหล่ หรือหาอู่ซ่อมไม่ได้คงเสียความรู้สึกไม่น้อย

 

และนี่คือคู่มือเลือกรถ Bigbike ที่เราจัดให้ตั้งแต่ประเภทของรถที่จะทำให้มือใหม่หัดซิ่งได้รู้จักมากขึ้น รวมถึงช่วยให้ตัดสินใจเลือกรถ bigbike ได้ตรงกับไลฟ์สไตล์ง่ายขึ้นนั่นเอง และเพื่อให้ทุกการเดินทางปลอดภัยและมั่นใจในทุกเส้นทาง อย่าลืมทำประกันรถมอเตอร์ไซค์ bigbike 2+ ซ่อมห้าง จากวิริยะประกันภัยติดรถไว้ด้วย เพราะให้ความคุ้มครองครอบคลุมสูงสุด ครบจบในที่เดียวพร้อมเบี้ยประกันเริ่มต้นในราคาที่เอื้อมถึง สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.viriyah.com หรือ โทร. 0-2129-7474

อ่านบทความอื่นๆ