เตือนภัย 5 โรค(ต้อง)ห้ามขับรถ เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ!
ขึ้นชื่อว่าอุบัติเหตุย่อมเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งการขับขี่ประมาท สภาพถนนที่ชำรุด ง่วงหรือเมาแล้วขับ แต่รู้หรือไม่? ปัญหาสุขภาพก็เป็นอีกหนึ่งต้นเหตุที่บั่นทอนการตัดสินใจ หรือทำให้ไม่สามารถควบคุมรถจนทำให้เกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน วันนี้เราเลยจะพาไปดู 5 โรคห้ามขับรถ ที่ใครรู้ตัวว่าเป็นควรเลี่ยงเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง คนในครอบครัว เพื่อนที่นั่งมาด้วย และคนอื่นๆ ที่ใช้ถนนร่วม มีโรคอะไรบ้างที่ห้ามขับรถมาดูกัน
มีโรคอะไรบ้างที่ห้ามขับรถ เพราอะไร?
%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%96-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8%B8!_1.jpg)
1. โรคเกี่ยวกับสายตา
ต้อหิน ต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อม ล้วนเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับสายตา ซึ่งสายตาของเราเป็นสิ่งจำเป็นในการขับรถอย่างมาก หากเป็นโรคใดโรคหนึ่งที่บอกไว้เท่ากับว่าเป็นโรคที่ห้ามขับรถ เพราะอาจทำให้มองเห็นเส้นทางในช่วงกลางคืนไม่ชัด มุมมองของสายตาแคบลง หากขับรถอาจทำให้เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้ แต่ถ้าจำเป็นต้องขับรถแนะนำว่าให้ขับขี่ในช่วงเวลากลางวันที่มีทัศนวิสัยดี เพื่อความปลอดภัย
2. โรคลมชัก
เห็นแค่ชื่อก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นอีกโรคที่ห้ามขับรถ เพราะมีอาการสำคัญที่น่าห่วงคืออาการชัก เกร็งกระตุก หนักขึ้นอาจถึงขั้นหมดสติได้ ซึ่งเป็นอันตรายต่อทั้งตัวเองและผู้ร่วมทาง ดังนั้น ใครที่รู้ตัวว่าเป็นโรคลมชักให้หลีกเลี่ยงการขับรถคนเดียว หรือถ้ามีความจำเป็นที่ต้องขับรถจริงๆ แนะนำว่าควรมีเพื่อนนั่งรถไปด้วย เผื่อมีเหตุฉุกเฉินจะได้ช่วยเหลือได้ทัน
อย่างไรก็ตาม คนที่เป็นโรคลมชักยังสามารถขับรถได้อยู่ เพียงแต่ต้องคอยสังเกตสัญญาณเตือนของโรคให้ดี หากเริ่มมีอาการชักให้รีบจอดรถริมทางในบริเวณที่ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด ส่วนใครที่เคยเป็นโรคลมชักขณะขับรถ ควรเว้นระยะในการขับ โดยควรสังเกตอาการตัวเองอย่างใกล้ชิด หากไม่มีอาการชักติดต่ออย่างน้อย 1-2 ปี แล้วค่อยกลับมาขับรถจะปลอดภัยที่สุด
%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%96-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8%B8!_2.jpg)
3. โรคพาร์กินสัน
เป็นโรคที่ทำให้มีอาการเกร็ง มือเท้าสั่นและเคลื่อนไหวช้าลง ทำให้การควบคุมรถไม่ดี แม้อาการสั่นจะดีขึ้นเมื่อขยับตัวแต่ถ้ามีอาการรุนแรงอาจทำให้เกิดภาพหลอน ถ้าขับรถอยู่อาจเสี่ยงเกิดอันตรายขึ้นได้ จึงเป็นอีกหนึ่งโรคที่ห้ามขับรถ เพื่อความปลอดภัยของทั้งตัวเราเองและเพื่อนร่วมทาง
4. โรคหัวใจ
ขับรถในกรุงเทพฯ เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเจอรถติด รถขับหวาดเสียวจนอาจทำให้ตกใจหรือเกิดความเครียด ถ้ามีโรคหัวใจอยู่ก่อนและต้องเจอกับสภาพการจราจร ความกดดันมากๆ เหล่านี้เป็นประจำ อาจทำให้เกิดอาการแน่นหน้าอก ซึ่งอาจร้ายแรงไปจนถึงมีอาการวูบและหมดสติระหว่างขับรถได้ จึงทำให้โรคหัวใจกลายเป็นอีกหนึ่งโรคที่ห้ามขับรถนั่นเอง
%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%96-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8%B8!_3.jpg)
5. โรคความดันโลหิตสูง
โรคห้ามขับรถอันดับสุดท้ายคือโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นโรคที่เสี่ยงกับการเกิดอาการรุนแรงแบบกะทันหัน โดยเฉพาะความเครียดขณะขับรถอยู่บนถนน มีโอกาสทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นจนถึงขั้นหน้ามืดได้ ร้ายแรงกว่านั้นถ้ามีอาการรุนแรงก็มีโอกาสทำให้เกิดเส้นเลือดในสมองแตกได้ เป็นอันตรายต่อทั้งคนขับรถและผู้ใช้ถนนร่วมอีกด้วย
จะเห็นได้ว่าทั้ง 5 โรคห้ามขับรถนี้มีผลต่อความปลอดภัยทั้งคนขับรถและผู้ใช้ถนนร่วม เพราะหากเกิดอาการรุนแรงขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วนอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันที่เกินกว่าจะรับมือ ทั้งในแง่ของการบาดเจ็บ สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินที่ประเมินค่าไม่ได้ หากผู้ขับขี่คนไหนที่รู้ตัวว่าเป็นโรคเสี่ยงเหล่านี้อยู่ควรหลีกเลี่ยงการขับรถลำพัง เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและเพื่อนร่วมทาง
เพื่อเพิ่มความอุ่นใจในการเดินทาง การทำประกันรถยนต์ไว้ดูแลรถและตัวคุณก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน หากกำลังมองหาประกันรถยนต์อยู่ โดยเฉพาะประกันรถยนต์ชั้น 1 เราขอแนะนำประกันรถยนต์ชั้น 1 จากวิริยะประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองคุ้มค่า ครอบคลุมสูงสุดทุกความสูญเสียเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน ทั้งความเสียหายต่อชีวิตและร่างกาย ตัวรถ รถยนต์สูญหายหรือไฟไหม้ ความคุ้มครองคู่กรณีที่ได้รับความเสียหาย รวมถึงความช่วยเหลือฉุกเฉินที่พร้อมสแตนด์บายตลอด 24 ชั่วโมง ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ที่ www.viriyah.com หรือ โทร. 0-2129-7474