“รถนุ่มเกินไป”อาจไม่ปลอดภัยอย่างที่คิด! รู้เร็ว แก้ไว ไม่เสี่ยงอุบัติเหตุ
การขับรถที่นุ่มและสั่นสะเทือนน้อย ถือเป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่หลายคนปรารถนา เพราะคิดว่าการขับรถนุ่มๆ นั้นเป็นเรื่องที่ดี ทำให้ขับได้สบายและราบลื่นขึ้น แต่จริงๆ แล้ว หากขับแล้วสังเกตพบว่าห้องโดยสารรถของเราดูนุ่มนวลผิดปกติ ไม่รู้สึกถึงการสั่นสะเทือนเหมือนเดิม อย่าเพิ่งนิ่งนอนใจ เพราะนั่นคือสัญญาณที่บ่งบอกว่าช่วงล่างรถของคุณเริ่มมีปัญหาแล้ว ซึ่งชิ้นส่วนที่พบปัญหามากที่สุดก็คือ “โช๊คอัพ”
โดยปกติแล้ว โช๊คอัพ (Shock Absorber) จะทำหน้าที่ในการรองรับแรงกระแทกของตัวถังรถ ลดแรงสั่นสะเทือน อีกทั้งยังช่วยหน่วงน้ำหนักในการเคลื่อนที่ขึ้น-ลงให้กับรถยนต์ทั้งคัน เพื่อให้ล้อยางยึดเกาะกับผิวถนนได้ดี และทำให้รถมีการทรงตัวที่ดี แต่เมื่อใดที่โช๊คอัพเสื่อมสภาพลง ก็จะส่งผลให้ห้องโดยสารมีอาการนุ่มกว่าปกติ เพราะไม่สามารถซับแรงสั่นสะเทือนได้ เมื่อขับรถไปเรื่อยๆ รถจะมีการยกตัวของล้อซ้าย-ขวาที่ไม่เท่ากัน ส่งผลให้รถเสียการทรงตัว และอาจเกิดการพลิกคว่ำ จนนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงได้
ลองมาสังเกตโช๊คอัพกันดีกว่า หากพบอาการเหล่านี้ แสดงว่าโช๊คอัพรถของคุณกำลังมีปัญหาแน่นอน
1.ห้องโดยสารมีอาการนุ่มผิดปกติ
2.โช๊คอัพมีรูปทรงที่ผิดเพี้ยนไป เช่น มีรอยบุบ บิดเบี้ยว หรือคดงอ ควรรีบเปลี่ยนทันที
3.รถมีอาการโคลงเคลงขณะออกตัว โดยบริเวณหน้ารถมีการเชิดขึ้นมากกว่าปกติ แต่เมื่อเบรกด้วยความเร็วต่ำหน้ารถกลับทิ่มลง
4.รถมีอาการร่อน ไม่เกาะถนน เสียการทรงตัว และควบคุมได้ยากขึ้น
5.เมื่อขับผ่านหลุม เนิน ลูกระนาด หรือคอสะพาน รถจะมีอาการเด้งขึ้น-ลง และสั่นสะเทือนกว่าปกติ
นอกจากจะสังเกตอาการผิดปกติของโช๊คได้แล้วนั้น เรายังสามารถเช็คสภาพโช๊คอัพด้วยตัวเองเบื้องต้นง่ายๆ ได้ดังนี้
1.เช็คหน้ายาง หากพบว่าหน้ายางไม่เรียบ สึกเป็นบั้งๆ ใช้มือลูบย้อนแล้วรู้สึกว่าสะดุด แสดงว่าโช๊คอัพด้านนั้นอาจจะมีปัญหา
2.ใช้มือออกแรงกดที่ฝากระโปรงรถแล้วปล่อย หากรถมีการคืนตัวปกติไม่โยกซ้ำ ถือว่ายังใช้งานได้ปกติ แต่หากมีการโยกซ้ำหลายครั้ง แสดงว่าโช๊คมีปัญหาหรือเสื่อมสภาพ
3.สังเกตรอยรั่วของน้ำมันบริเวณซีลโช๊คอัพ หากพบคราบน้ำมันไหลออกมาบริเวณกระบอกโช๊ค แสดงว่ากระบอกอาจมีการรั่วซึม ต้องนำรถเข้าศูนย์บริการทันที
4.เช็คสภาพโช๊คหลังจอด โดยการดับเครื่องแล้วใช้มือสอดเข้าไปที่ตัวกระบอกโช๊ค หากพบว่าโช๊คมีความร้อนถือว่าปกติ ยังสามารถใช้งานได้อยู่ แต่เมื่อใดที่โช๊คไม่ร้อน แสดงว่าโช๊คเริ่มมีปัญหา
ซึ่งสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้โช๊คอัพเสื่อมสภาพ มีดังนี้
1.การเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ การใช้งานรถ รวมถึงสภาพของถนนด้วย
2.ขับรถด้วยความเร็วบ่อยครั้ง ทำให้โช๊คอัพและระบบช่วงล่างเสื่อมสภาพเร็ว
3.บรรทุกน้ำหนักมากเกินไป ทำให้โช๊คอัพทำงานหนักจนเสียหาย และเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
4.การกระแทกอย่างรุนแรง เพราะไม่ชะลอความเร็วขณะขับรถผ่านถนนที่ขรุขระหรือเป็นหลุมลึก ทำให้โช๊คอัพเกิดการแตกหรือรั่วซึม
5.โช๊คอัพขาดการดูแล เนื่องจากฝุ่นจากถนนอาจเข้าไปติดบริเวณซีลโช๊คอัพ จนทำให้โช๊คอัพเสียหายและเกิดการรั่วซึมของน้ำมันได้
โดยวิธีการดูแลรักษาโช๊คอัพ สามารถทำได้ดังนี้
1.ก่อนออกเดินทาง ควรเช็คช่วงล่างและลมยางให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ รวมไปถึงการเช็คคราบน้ำมันบริเวณโช๊คอัพ ว่ามีการรั่วซึมหรือไม่ เพราะระบบเหล่านี้ล้วนส่งผลโดยตรงต่อรถยนต์ของคุณ
2.ไม่ควรขับรถโดยใช้ความเร็วเกินกำหนด เพราะจะส่งผลให้ช่วงล่างรถยนต์เสื่อมสภาพเร็ว
3.ไม่ควรบรรทุกของหนักจนเกินไป ทั้งนี้เพื่อช่วยยืดอายุของโช๊คอัพไม่ให้ชำรุดเสียหายได้ง่าย
4.เมื่อต้องขับผ่านหลุ่ม เนิน หรือลูกระนาด ควรชะลอความเร็วลง เพื่อช่วยถนอมโช๊คอัพและขับรถผ่านไปอย่างนุ่มนวลและปลอดภัย
5.ควรหมั่นตรวจเช็คการทำงานของโช๊คอัพและส่วนควบอื่นๆ ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ
เพราะโช๊คอัพถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่มีผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่ ฉะนั้นจึงควรดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพร้อมใช้งานและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ส่งผลให้โช๊คอัพเสียหายหรือเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ และลดการเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน หากพบความผิดปกติ ควรรีบนำรถเข้าศูนย์บริการ เพื่อเปลี่ยนโช๊คอัพให้เร็วที่สุด
ใครที่กำลังมองหาประกันรถยนต์หรือต้องการทำประกันรถยนต์ เราขอแนะนำประกันรถยนต์จากวิริยะประกันภัย ทำประกันภัยรถยนต์ก็เป็นสิ่งสำคัญในการคุ้มครองรถยนต์ของคุณได้ไม่ว่าจะเป็น ประกันชั้น 1 ที่ดูแลครบ จบทุกความต้องการหรือ ประกันรถยนต์ 2+ ซื้อง่ายคุ้มครองเร็ว หรือประกันรถยนต์ 3+ ประกันคุ้มจบในที่เดียว และใครที่กำลังมองหาการต่อพรบรถยนต์ที่คุ้มค่า ที่วิริยะประกันภัยเรามีครบจบที่เดียวสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.viriyah.com หรือโทรสอบถามข้อมูลได้ที่ 0-2129-7474