10 จุดตรวจสภาพรถยนต์ ก่อนเที่ยวปีใหม่ต้องเช็กอะไรบ้าง?
ใกล้ปีแบบนี้เชื่อว่าหลายคนเริ่มวางแผนเที่ยวกันบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการขับรถเที่ยวต่างจังหวัดกับก๊วนเพื่อน หรือกลับภูมิลำเนาไปฉลองกับครอบครัว ซึ่งถือเป็นอีกกิจกรรมที่ใครหลายๆ คนรอคอย แต่ก่อนจะออกเดินทางสิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมตัวก็คือ การเช็คสภาพรถยนต์ ก่อนเดินทางไกล เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่และราบรื่นตลอดทาง วันนี้เราเลยมี 10 จุดตรวจสภาพรถยนต์มาฝาก ต้องตรวจจุดไหนบ้างมาดูกัน
10 จุดตรวจสภาพรถยนต์ ก่อนเดินทางไกล
1.แบตเตอรี่รถยนต์
เนื่องจากแบตเตอรี่รถยนต์ทำหน้าที่เป็นตัวจ่ายกระแสไฟฟ้าไปที่ส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์ รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ให้สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นก่อนเดินทางไกลควรทำการตรวจเช็กแบตเตอรี่รถยนต์ โดยเฉพาะจุดเชื่อมต่อแบตเตอรี่ เพราะหากการเชื่อมต่อของแบตเตอรี่มีปัญหา อาจส่งผลให้ระบบการเผาไหม้ของเครื่องยนต์และอุปกรณ์ไฟฟ้าชิ้นอื่นๆ ภายในรถเกิดปัญหาตามมาด้วย นอกจากนี้ ควรตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่ด้วยว่ายังอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ พร้อมเช็กระดับน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่กำหนด รวมถึงความแน่นหนาของขั้วแบตเตอรี่กับสายหุ้มฉนวนที่ต่อตรงเข้ากับวงจรด้วย
2.ช่วงล่างรถยนต์
ระบบช่วงล่าง เป็นอีกหนึ่งจุดที่ผู้ใช้รถควรเช็คสภาพรถยนต์ก่อนเดินทางไกล โดยเฉพาะการตรวจเช็กน้ำมันแกนโช้คว่ามีการรั่วซึมหรือไม่ พร้อมเติมน้ำมันเกียร์ และน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ให้อยู่ในระดับที่กำหนด ซึ่งหลังจากที่ตรวจเช็กระบบช่วงล่างและเติมน้ำมันเรียบร้อยแล้ว ให้ทดลองขับบนถนนทางเรียบดูว่า พวงมาลัยของรถตรงหรือไม่ เพราะหากพวงมาลัยมีอาการสั่นหรือเอียงไปทางใดทางหนึ่ง อาจเกิดจากระบบช่วงล่างรถยนต์ที่มีปัญหา อย่างลูกหมาก โช้ครถ หรือศูนย์ล้อรถยนต์ ซึ่งสามารถสังเกตอาการต่างๆ ได้ดังนี้
- ระหว่างออกตัวหรือหยุดรถ ทั้งเดินหน้าและถอยหลัง หากมีเสียงดัง หรือขับขี่ในทางตรงแล้วพวงมาลัยเอียงไปซ้ายหรือขวา ให้สันนิษฐานว่าบูชปีกนกอาจมีปัญหา แนะนำให้นำรถเข้าศูนย์เพื่อตั้งศูนย์ถ่วงล้อรถยนต์ใหม่
- หากมีเสียงดังขณะขับขี่บนถนนขรุขระหรือขึ้นลูกระนาด อาจเกิดจากลูกหมากปีกนกมีปัญหา
- ขับขี่ไปบนถนนขรุขระแล้วพวงมาลัยดึงหรือหลวม และมีเสียง แสดงว่าลูกหมากคันชักมีปัญหาให้รีบนำเข้าศูนย์
- หากขับขี่ในทางตรง แต่รู้สึกว่าล้อรถไม่ตรงกับทิศทาง หรือไม่สามารถควบคุมให้รถอยู่นิ่งได้ เช่นเดียวกับการขับขี่บนถนนขรุขระและเกิดอาการสะท้านขึ้นมาถึงพวงมาลัย ให้สันนิษฐานว่าลูกหมากแร๊คหรือยางรัดแร๊คมีปัญหา ให้รีบนำเข้าศูนย์เพื่อให้ช่างตรวจสอบโดยด่วน
3.ระบบเบรก น้ำมันเบรก
ลำดับถัดมาที่ผู้ขับขี่ต้องเช็คสภาพรถยนต์ก่อนเดินทางไกลคือ การตรวจเช็กน้ำมันเบรกและระบบเบรก รวมถึงผ้าเบรกรถยนต์ที่ต้องพร้อมใช้งานอยู่เสมอ เพราะระบบเบรกนั้นเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยโดยตรง อีกทั้งยังช่วยรักษาชีวิตของผู้โดยสารในการเดินทางด้วย โดยผ้าเบรกรถควรมีความหนาไม่น้อยกว่า 7 มิลลิเมตร จานเบรกไม่คด ไม่สั่น และมีความหนาที่ไม่ต่างไปจากเดิมมากนัก อีกทั้งปริมาณน้ำมันเบรกควรจะอยู่ในระดับที่เหมาะสม หากตรวจเช็กแล้วพบว่าระดับน้ำมันเบรกต่ำกว่า Min หรือลดลงเร็วกว่าปกติ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าน้ำมันเบรกรั่ว ให้รีบนำรถเข้าศูนย์และรีบตรวจเช็กให้เร็วที่สุด เนื่องจากระบบน้ำมันเบรกเป็นระบบแบบปิด จึงไม่มีการระเหยหรือถูกนำไปใช้เหมือนกับของเหลวอื่นๆ ภายในรถนั่นเอง
4.น้ำมันเครื่อง
อีกส่วนสำคัญในการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ก่อนออกเดินทางไกล ก็คือ เรื่องของน้ำมันเครื่อง เพราะเป็นส่วนที่ทำให้ระบบกลไกลต่างๆ ของเครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ จึงควรตรวจเช็กน้ำมันเครื่องให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และควรมีน้ำเครื่องสำรองไว้อย่างน้อย 1 ลิตร เพื่อไว้เติมยามฉุกเฉินนั่นเอง โดยสามารถตรวจวัดระดับน้ำมันเครื่องได้จากก้านวัดน้ำมันเครื่อง ดังนี้
- นำก้านวัดน้ำมันเครื่องมาเช็ดทำความสะอาด พร้อมกับเสียบลงไปในเครื่องยนต์เพื่อดูว่าคราบน้ำมันเครื่องอยู่ตรงส่วนไหนของก้านวัด
- หลังเสียบก้านน้ำมันเครื่องลงไปในอ่างน้ำมันแล้ว ให้ดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมาอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบระดับของน้ำมันเครื่องที่ปลายก้านวัด
- ถ้าน้ำมันเครื่องอยู่ระหว่างขีด F กับ L หรือ Max กับ Min ถือว่าน้ำมันเครื่องอยู่ในเกณฑ์ปกตินั่นเอง
5.ระบบไฟส่องสว่าง
เรื่องของไฟส่องสว่างก็เป็นอีกจุดที่ควรตรวจเช็คสภาพรถยนต์ก่อนเดินทางไกลทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นไฟคู่หน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว ไฟเบรก ไฟตัดหมอกหรือไฟฉุกเฉิน ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เพราะหากระบบไฟไม่มีความสว่างเพียงพอ หรือไม่ทำงานอาจทำให้เกิดอันตราย หรือทำให้ผู้ใช้ถนนร่วมทางเกิดอุบัติเหตุได้ โดยเฉพาะการเดินทางในเวลากลางคืน
6.หม้อน้ำ ระบบระบายความร้อน
ระบบระบายความร้อนและหม้อน้ำถือเป็นจุดสำคัญของเครื่องยนต์ เนื่องจากเวลาที่เครื่องยนต์ทำงานจะเกิดความร้อน หากรวมกับความร้อนจากอากาศภายนอกตัวรถ อาจทำให้เครื่องยนต์ร้อนผิดปกติหรือน็อคได้ ดังนั้น จึงควรตรวจเช็กระดับน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำให้อยู่ในระดับปกติและจุดต่างๆ ของหม้อน้ำ รวมถึงพัดลมหม้อน้ำและมอเตอร์ว่ายังทำงานปกติอยู่หรือไม่ หากพบสิ่งผิดปกติแนะนำว่าให้นำรถเข้าศูนย์โดยเร็วที่สุด เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจเช็กเพื่อความปลอดภัย
7.ล้อรถ ยางรถ
ล้อรถและยางรถเป็นอีกหนึ่งข้อที่จะขาดไม่ได้เลยในเช็กลิสต์ตรวจสภาพรถยนต์ก่อนเดินทางไกล โดยจุดที่ต้องตรวจสภาพก็คือดอกยาง ความลึกของร่องยาง ซึ่งจะต้องไม่มีการฉีกขาด แตกลายงา ยางบวม หรือดอกยางหมด โดยดอกยางรถยนต์ควรมีความลึกไม่น้อยกว่า 1.6 มิลลิเมตร ไม่มีรอยรั่วซึม อีกทั้งลมยางจะต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสม นอกจากนี้ล้อรถยนต์ของคุณจะต้องอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่เบี้ยว ไม่คด หากทำการตรวจเช็กเรียบร้อยแล้วมีจุดที่เข้าข่าย แนะนำให้เปลี่ยนยางใหม่ทันทีเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง
8.ใบปัดน้ำฝน น้ำฉีดกระจก
ผู้ใช้รถหลายคนอาจรู้สึกว่าใบปัดน้ำฝนและน้ำฉีดกระจกไม่มีความสำคัญมากนัก แต่รู้หรือไม่ว่าทั้ง 2 อุปกรณ์นี้จะช่วยให้กระจกรถของคุณสามารถมองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเกิดฝนตกขณะเดินทางซึ่งจะทำให้กระจกขุ่นมัว ดังนั้นจึงควรตรวจเช็กก่อนออกเดินทางทุกครั้งว่าใบปัดน้ำฝนมีสภาพเป็นอย่างไร เปื่อยหรือยุ่ยหรือไม่ หากหมดสภาพแนะนำให้เปลี่ยนใบปัดน้ำฝนใหม่ เช่นเดียวกับน้ำฉีดกระจกที่ควรอยู่ในระดับที่กำหนด เพราะการเดินทางไกลมีโอกาสที่เศษดิน เศษฝุ่นต่างๆ มาเกาะกระจกจนทำให้มองเห็นไม่ชัด จึงต้องใช้น้ำฉีดล้างกระจกเพื่อเพิ่มความใสและสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
9.น้ำมันเกียร์ น้ำมันคลัตช์
ระบบเกียร์และคลัตช์ ถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้รถขับเคลื่อนได้มีประสิทธิภาพ เมื่อต้องตรวจสภาพรถยนต์จึงควรตรวจเช็กการทำงานของเกียร์และคลัตช์ให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานอยู่เสมอ โดยการจอดรถอยู่กับที่และดึงเบรกมือ พร้อมกับเปลี่ยนเกียร์ไปเรื่อยๆ โดยในการเปลี่ยนแต่ละครั้งให้ทิ้งไว้สักระยะหนึ่ง แล้วค่อยเปลี่ยนเกียร์ถัดไป เมื่อทำครบแล้วให้ดึงก้านวัดระดับน้ำมันเกียร์ออกมาทำความสะอาด ก่อนนำกลับไปเสียบใหม่และดึงออกมาอีกครั้ง และให้สังเกตดูว่าระดับน้ำมันที่ติดออกมาอยู่ตรงส่วนไหน หากอยู่ตรงระดับ H หรืออยู่ระหว่างกลาง Min กับ Max แสดงว่าอยู่ในระดับปกติ แต่ถ้าพบว่าอยู่ในระดับต่ำกว่า ให้สันนิษฐานว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับระบบเกียร์และคลัตช์ ให้รีบเข้าศูนย์ตรวจเช็กและซ่อมแซมโดยเร็วที่สุด
10.ระบบแตรรถยนต์
จุดสุดท้ายของการตรวจสภาพรถยนต์คือ ระบบแตรรถยนต์ เชื่อว่าคนใช้รถส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับจุดนี้ แต่ในความเป็นจริงแตรรถมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะระหว่างขับขี่อาจมีเหตุการณ์ที่ต้องใช้แตรในการสื่อสาร หรือส่งสัญญาณให้กับรถคันอื่นเพื่อความปลอดภัย ดังนั้น ก่อนเดินทางไกลควรตรวจเช็กระบบแตรให้ดีว่ายังมีเสียงดังและลมแตรอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานหรือไม่
เป็นยังไงกันบ้างกับ 10 จุดตรวจสภาพรถยนต์เบื้องต้นที่ทางเรารวบรวมมาให้ผู้ใช้รถยนต์ได้รู้ เพราะอาจมีบางจุดที่เสื่อมสภาพหรือหมดอายุ และเพื่อให้การขับขี่ปลอดภัยและราบรื่นตลอดการเดินทาง ผู้ใช้รถทุกคนควรมีอุปกรณ์พื้นฐานจำเป็นอย่างสายพ่วงแบตเตอรี่ ที่เติมลมฉุกเฉิน อุปกรณ์ถอดล้อ ยางอะไหล่ สเปรย์ปะยาง แม่แรง ติดรถเอาไว้ให้อุ่นใจ เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินระหว่างทางอุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยแก้ไขได้ทันท่วงที
นอกจากนี้ การทำประกันรถยนต์ติดรถไว้จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้กับคุณได้ตลอดเส้นทาง ซึ่งหากใครที่กำลังมองหาประกันรถ ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุม บริการรวดเร็ว เป็นธรรมและมีคุณภาพ เราขอแนะนำ ประกันรถจากวิริยะประกันภัย ที่มีแผนประกันรถรองรับทุกความต้องการให้กับผู้ขับขี่ได้เลือกตามความต้องการ โดยสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.viriyah.com หรือโทร 0-2129-7474