ไฟตัดหมอกมีความสำคัญอย่างไร ทำไมต้องมี?


หากพูดถึงอุปกรณ์เซฟตี้จะมีอยู่ชิ้นหนึ่งที่หลายคนมักจะมองข้าม แต่กลับมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่อย่างมาก นั่นก็คือ ‘ไฟตัดหมอก’ ที่ถือเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ถูกเพิ่มเข้ามาในรถยนต์ โดยจะติดตั้งอยู่ด้านหน้าและด้านหลังรถ ซึ่งอาจมีผู้ขับขี่มือใหม่หลายคนที่ยังไม่รู้ว่า ไฟตัดหมอกคืออะไร? มีทั้งหมดกี่ประเภท และมีความสำคัญอย่างไร? วันนี้เรารวบรวมข้อมูลมาไว้ในบทความนี้ให้แล้ว ไปดูกัน
ไฟตัดหมอก คืออะไร?
ไฟตัดหมอก คือ ไฟขนาดเล็กที่ถูกติดตั้งอยู่ด้านหน้าและด้านหลังของรถยนต์ โดยจะช่วยให้การมองเห็นชัดเจนมากขึ้น จากการส่องสว่างในระนาบเดียวกับถนน ซึ่งความเข้มของแสงจากไฟตัดหมอกสามารถส่องทะลุหมอกหรือฝนที่ตกหนักซึ่งทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่แย่ลงได้ โดยไฟตัดหมอกจะช่วยให้การมองเห็นในระยะ 30 - 80 เมตร ชัดเจนขึ้น เรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์เซฟตี้ที่ช่วยให้การขับขี่มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ไฟตัดหมอก มีความสำคัญอย่างไร?
หากพูดถึงความสำคัญของไฟตัดหมอก ต้องบอกว่าเป็นอุปกรณ์เซฟตี้รถยนต์ที่จะขาดไม่ได้เลย โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศย่ำแย่อย่างหมอกลงหนาหรือฝนตกหนัก หรือในสถานการณ์ที่เราเจอกลุ่มควันจนทำให้ไม่สามารถมองเห็นถนนได้ ดังนั้นการเปิดไฟตัดหมอกนอกจากจะมีประโยชน์ในการช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการมองเห็นให้เพิ่มมากขึ้นแล้ว สำหรับผู้ขับขี่มือใหม่ยังช่วยให้สามารถขับขี่ได้ปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วย
ไฟตัดหมอก มีทั้งหมดกี่ประเภท?
รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วไฟตัดหมอกที่ติดตั้งมากับรถยนต์ในปัจจุบันมีการใช้งานที่หลากหลาย โดยจะมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภทหลักๆ ซึ่งแต่ละประเภทนั้นมีความแตกต่างกัน ดังนี้
1.Fog Lamps
เป็นไฟตัดหมอกที่เน้นกระจายแสงไฟให้ส่องสว่างออกไปด้านข้าง ช่วยให้สามารถมองเห็นด้านข้างหรือไหล่ทางได้ชัดเจนขึ้น และมีการหักเหของแสงค่อนข้างมาก ทำให้แสงไฟที่ส่องออกมาไม่ไกลจากตัวไฟตัดหมอกมากนัก ซึ่งไฟตัดหมอกประเภทนี้มักจะถูกติดตั้งในรถยนต์ที่ใช้ความเร็วต่ำ
2.Driving Lamps
เป็นไฟตัดหมอกที่มีระยะการส่องสว่างที่กว้างกว่าไฟตัดหมอกทั่วไป แต่ช่วงของแสงจะไม่กว้างเท่ากับไฟตัดหมอกประเภท Fog Lamps เหมาะกับการใช้งานหลายสถานการณ์ โดยเฉพาะคนที่เดินทางกลางคืนบ่อยๆ อย่างการเดินทางข้ามจังหวัดไฟตัดหมอกแบบ Driving Lamps เรียกได้ว่าตอบโจทย์ทีเดียว
3.Pencil Beam Lamps
ไฟตัดหมอกประเภทนี้จะมีระยะแสงที่พุ่งไปด้านหน้าค่อนข้างไกล ทำให้สามารถมองเห็นทัศนวิสัยได้ชัดเจนมากขึ้น แต่มักจะติดตั้งในรถยนต์ที่ต้องขับขี่บนทางวิบากหรือเส้นทางที่ขรุขระ ไม่ราบเรียบเหมือนถนนทั่วไป เพราะระยะของแสงที่พุ่งไปไกลอาจสร้างอันตรายให้กับผู้ใช้ถนนร่วมได้นั่นเอง
ไฟตัดหมอกทำงานอย่างไร?
แสงจากไฟตัดหมอกให้ความสว่างสูงเทียบเท่าสปอตไลท์ เมื่อเปิดใช้งานจะส่องสว่างในระนาบขนานไปกับพื้นถนน หรือส่องตกพื้นระยะไกลด้วยการทำมุมเอียงลงต่ำ ทำให้ขณะขับขี่สามารถมองเห็นทางด้านหน้าได้ไกลถึง 30 - 80 เมตร จากปกติที่เปิดไฟหน้ารถจะมองเห็นได้ในระยะ 10 - 15 เมตรเท่านั้น และยังเป็นการป้องกันการสะท้อนกลับสู่สายตาของผู้ขับขี่ที่ใช้ถนนร่วมด้วย เพราะหากส่องสว่างไกลกว่านั้นอาจรบกวนการขับขี่หรือทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ จึงอาจบอกได้ว่าไฟตัดหมอกทำหน้าที่เหมือนเป็นตาที่ 3 ให้กับเรา ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้นขณะขับรถนั่นเอง
ได้รู้จักไฟตัดหมอกกันแล้วว่าคืออะไร? มีประเภทไหนบ้าง และได้เห็นความสำคัญของไฟตัดหมอกรถยนต์กันพอสังเขปแล้ว อย่าลืมหมั่นตรวจเช็กสภาพรถยนต์และไฟตัดหมอกก่อนออกเดินทางทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ รวมถึงควรศึกษาการใช้ไฟตัดหมอกเพื่อไม่ให้ไปรบกวนผู้ใช้ถนนคนอื่นด้วย
นอกจากนี้ ควรทำประกันรถยนต์ติดรถไว้เพื่อเสริมความอุ่นใจในการเดินทาง ใครที่กำลังมองหาประกันรถยนต์คุณภาพดี บริการรวดเร็ว เป็นธรรม และมีแผนประกันรถยนต์ให้เลือกได้ตามความต้องการ สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.viriyah.com หรือ โทร. 0-2129-7474