เช็คเลย 6 เสียงดังผิดปกติของรถยนต์ ที่ไม่ควรปล่อยผ่าน !
อีกหนึ่งสิ่งที่ผู้ขับขี่จำเป็นต้องสังเกตเสมอนั้นก็คือ การทำงานของตัวรถ ตั้งแต่ระยะสตาร์ท ระยะขับขี่หรือกระทั่งการจอด บางครั้งเมื่อเครื่องยนต์มีปัญหา เจ้าตัวรถก็มักจะส่งสัญญาณเตือนออกมาเป็นเสียงที่แตกต่างกันไป ซึ่งสามารถจำแนกได้คร่าวๆ เป็น รถเสียงดัง 6 แบบ ดังนี้
“รถเสียงดังใต้ท้องรถ”
เสียงแบบนี้โดยมากมักจะเป็นเสียงเอี๊ยดอ๊าด ซึ่งอาจจะเกิดจากการขยับตัวของเพลากลางหรือไม่ก็เป็นด้านท่อไอเสีย หรือเกิดการชำรุดในส่วนนั้น หากแต่ในอีกกรณีหนึ่งที่รถเสียงดัง อาจเป็นเสียงที่มีอะไรบางอย่างติดใต้รถ ซึ่งเมื่อได้ยินควรทำการตรวจเช็คและแก้ไขทันที
“รถเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดจากโช้ค”
ด้านโช้คนั้นอาจมีเสียงเกิดได้คือ เกิดจากการที่แกนโช้คเอียง และมีการเสียดสี หรืออีกแง่หนึ่งอาจจะเกิดจากลูกยางโช้คอัพ ซึ่งอาจจะต้องเปลี่ยนลูกยางโช้คอัพ โดยราคาก็มีตั้งแต่ราคาหลักสิบไปจนถึงหลักพัน ขึ้นอยู่กับวัสดุและความคงทน
“รถเสียงดังเวลาหักเลี้ยวสุด”
ลองสังเกตดูเมื่อเราหักพวงมาลัยรถสุด ตอนเลี้ยวรถหรือช่วงถอยเข้าซอง หากมีเสียงดังแต๊กๆ มาจากล้อด้านหน้า อาจจะมาจากที่บูชปีกนกสึกจนทำให้เกิดการเสียดสี หากปล่อยทิ้งไว้รถอาจจะต้องตั้งศูนย์ล้อใหม่ ซึ่งทำให้การควบคุมรถไม่เป็นไปอย่างที่ควร
“รถเสียงดังเวลาเบรก”
สัญญาณนี้มักจะมากับรถที่มีอายุสักหน่อย เนื่องมาจากมันเป็นสัญญาณผ้าเบรกหมดนั่นเอง หากผ้าเบรกหมดจะทำให้ส่วนควบคุมเบรกกระทบกับจานเบรกโดยตรง เมื่อได้ยินเสียงอืดๆ ขณะเบรก ควรทำการเปลี่ยนผ้าเบรกหรือให้ช่างตรวจเช็คทันที เพราะเบรกนับเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมการขับขี่ ทิ้งไว้นานอาจเกิดอุบัติเหตุขณะขับรถได้
“รถเสียงดังหลังสตาร์ทเครื่อง”
เสียงที่ดังวื้ดๆ ออกมาในช่วงสตาร์ทเครื่องและดังเป็นช่วงๆ นั้นเกิดจากอาการที่เราเรียกว่า “สายพานหย่อน” วิธีแก้ไขก็คือ ให้ช่างทำการขึงสายพานใหม่ แต่ก็อาจจะเป็นการแก้แค่ชั่วคราวเท่านั้น ทางที่ดีควรจะเข้าเช็คกับศูนย์หรืออู่ที่ไว้ใจเพิ่มเติมด้วย
“รถเสียงเกียร์หอน”
เกียร์รถเป็นส่วนควบคุมที่สำคัญที่สุดส่วนหนึ่ง การที่มีเสียงดังมาจากห้องเกียร์นั้นอาจหมายถึงเฟืองเกียร์เสียดสีกันมากเกินไป ซึ่งเกิดจากการสึกหรอของอุปกรณ์ จะต้องแก้ด้วยการเปลี่ยนลูกปืนเกียร์ใหม่ แต่ถ้าดังมาจากช่วงที่กำลังลากเกียร์ เปลี่ยนเกียร์ อันนี้จะนับเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่า เพราะอาจจะต้องเปลี่ยนชุดเกียร์ทั้งชุดเพื่อให้กลับมาทำงานตามประสิทธิภาพ อาจจะมีค่าใช้จ่ายสูงพอควร
อย่าลืมสังเกตเสียงภายในห้องเครื่องทุกครั้งที่เราจะขับขี่ไปไหนมาไหน อย่างน้อยๆ เบื้องต้นเราก็จะสามารถตรวจเช็คได้ก่อนนำรถไปเข้าศูนย์และเคลมประกันรถยนต์นั่นเอง
เราขอแนะนำประกันรถยนต์จากวิริยะประกันภัย ทำประกันภัยรถยนต์ก็เป็นสิ่งสำคัญในการคุ้มครองรถยนต์ของคุณได้ไม่ว่าจะเป็น ประกันชั้น 1 ที่ดูแลครบ จบทุกความต้องการหรือ ประกันรถยนต์ 2+ ซื้อง่ายคุ้มครองเร็ว หรือประกันรถยนต์ 3+ ประกันคุ้มจบในที่เดียว และใครที่กำลังมองหาการต่อพรบรถยนต์ที่คุ้มค่า ที่วิริยะประกันภัยเรามีครบจบที่เดียวสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.viriyah.com หรือโทรสอบถามข้อมูลได้ที่ 0-2129-7474