ทำไมต้องมีการเรียกเก็บค่าเสียหายส่วนแรก


การเรียกเก็บค่าเสียหายส่วนแรก บริษัทต้องดำเนินการไปตามข้อบังคับของกฏหมาย ซึ่งทางภาครัฐมีวัตถุประสงค์ที่จะให้ผู้ขับขี่ตั้งใจขับรถดีมีวินัย มิใช่ขับด้วยความคะนองที่เกิดจากความสบายใจว่ารถยนต์ของตนเองมีประกันภัยคุ้มครอง
และที่สำคัญเป็นการป้องกันไม่ให้บุคคลที่อาศัยช่องว่างตามกรมธรรม์ในการทำสีรถยนต์โดยไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจริง เพราะจะทำให้ผู้เอาประกันภัยส่วนใหญ่ต้องแบกภาระเบี้ยประกันภัยที่สูงขึ้น อีกทั้งในปัจจุบันข้อกำหนดได้มีการปรับปรุงค่าเสียหายส่วนแรก จากเดิมที่ผู้เอาประกันภัยไม่สามารถแจ้งคู่กรณีให้บริษัททราบได้ ต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรกครั้ง 2,000 บาท เหลือเพียง 1,000 บาท
ค่าเสียหายส่วนแรกที่ปรับลดลงนี้ จะปรับลดลง เฉพาะความเสียหายต่อตัวรถยนต์ ส่วนความเสียหายต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอกยังเรียกเก็บเท่าเดิม 2,000 บาทหรือแล้วแต่กรณี และค่าเสียหายส่วนแรกที่ผู้เอาประกันภัยสมัครใจเสียเพื่อนำไปส่วนลดเบี้ยประกันภัย แต่ไม่เกิน 5,000 บาท สำหรับเงื่อนไขที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบค่าเสียหาบส่วนแรก 1,000 บาทมีอยู่ 2 กรณีด้วยกันคือ
1. กรณีรถได้รับความเสียหายที่ไม่ได้เกิดจากการชนและคว่ำ ได้แก่
- ความเสียหายจากการมุ่งร้าย กลั่นแกล้ง เช่น รถถูกบุคคลอื่นทุบทำลาย ขุดขีดหรือขีดข่วนให้ได้รับความเสียหาย โดยไม่สามารถระบุตัวผู้กระทำ วันเวลา และสถานที่ที่รถได้รับความเสียหายชัดเจน
- ความเสียหายที่เกิดจากการกระทบกับวัตถุ สิ่งของ ทำให้รถได้รับความเสียหายเฉพาะพื้นผิวสีรถ โดยไม่ทำให้ส่วนหนึ่งส่วนใดของตัวรถ และหรืออุปกรณ์ในรถได้รับความเสียหายถึงขนาด บุบ แตก ร้าว
- ไม่สามารถระบุสาเหตุที่ทำให้รถเสียหายได้ชัดเจน รวมถึงไม่สามารถระบุวันเวลา และสถานที่ที่รถได้รับความเสียหายชัดเจน
ซึ่งกรณีนี้ไม่รวมถึงความเสียหายจากภัยธรรมชาติ ทำให้ส่วนหนึ่งส่วนใดของตัวรถ นอกเหนือจากพิ้นผิวของสีรถเสียหายด้วย เช่น รถยนต์เสียหายจากภัยน้ำท่วม ลมพายุพัดต้นไม้หักมาทับรถได้รับความเสียหาย กิ่งไม้ขนาดใหญ่หล่นใส่รถเป็นเหตุให้รถบุบ เป็นต้น
2. กรณี รถยนต์คันที่เอาประกันภัยเกิดเหตุได้รับความเสียหาย อันเกิดจากการชนและผู้เอาประกันภัยไม่สามารถแจ้งให้ทราบคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้นั้น หมายถึง กรณีรถยนต์คันที่เอาประกันภัยถูกคันอื่นเฉี่ยวชนหรือเฉี่ยวชนรถยนต์คันอื่นได้รับความเสียหาย และผู้เอาประกันภัยภัยไม่สามารถแจ้งให้บริษัททราบถึงคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้เท่านั้น
กรณีรถยนต์ชนกับสิ่งอื่นที่ไม่ใช่รถยนต์ เช่น รั้ว ต้นไม้ สัตว์ ก้อนหิน ฯลฯ ที่ทำให้ตัวรถ และหรืออุปกรณ์ได้รับความเสียหาย บุบ แตก ร้าว ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรก แต่ต้องสามารถแจ้งให้บริษัททราบถึงลักษณะการเกิดเหตุ วันเวลา และสถานที่อย่างชัดแจ้ง
ค่าเสียหายส่วนแรก จ่ายตอนไหน?
ค่าเสียหายส่วนแรก จะถูกแบ่งออกเป็น 2 กรณีด้วยกันคือ ค่า Excess และ ค่า Deductible ซึ่งทั้ง 2 แบบนี้ก็มีลักษณะที่แตกต่างกันไปอีก ดังนี้
- ค่า Excess คือ ค่าเสียหายส่วนแรกภาคบังคับเกิดขึ้นเฉพาะกับการเคลมประกันภัยชั้น 1 เป็นค่าเสียหายส่วนแรกของผู้เอาประกันภัยที่จะต้องจ่ายให้กับบริษัทประกันเมื่ออยากนำรถเข้าซ่อมศูนย์ หรืออู่ โดยจะจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกเริ่มต้นที่ 1,000 บาท / เหตุการณ์ ตอนที่ผู้เอาประกันแจ้งเคลมอุบัติเหตุรถชนไม่ทราบคู่กรณี หรือไม่สามารถแจ้งรายละเอียดคู่กรณีได้
- ค่า Deductible คือ ค่าเสียหายส่วนแรกที่ผู้เอาประกันยินยอมจ่ายให้กับบริษัทประกันด้วยความสมัครใจในกรณีเกิดอุบัติเหตุและต้องการเคลมรถ ซึ่งจะต้องจ่ายเมื่อเราเป็นฝ่ายผิดและมีคู่กรณี ตามข้อตกลงในกรมธรรม์ โดยจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกอยู่ที่ 2,000 - 5,000 บาท แต่หากเราเป็นฝ่ายถูกก็ไม่ต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรกนี้ ทั้งยังสามารถนำไปลดค่าเบี้ยประกันได้ด้วย
สำหรับใครที่กำลังมองหาประกันรถยนต์ที่มีคุณภาพ บริการรวดเร็วทันใจ เป็นธรรมอยู่ เราขอแนะนำประกันรถยนต์ จากวิริยะประกันภัย หลากหลายประกันภัยที่สามารถคุ้มครองรถยนต์ของคุณได้ไม่ว่าจะเป็น ประกันชั้น 1 ที่ดูแลครบ จบทุกความต้องการหรือจะเป็นประกันรถไฟฟ้า ประกันรถยนต์ 2+ ซื้อง่ายคุ้มครองเร็ว หรือประกันรถยนต์ 3+ ประกันคุ้มจบในที่เดียว รวมถึงประกันรถจักรยานยนต์ และประกันบิ๊กไบค์ที่คุ้มครองสูงสุดทันที รวมถึงใครที่กำลังมองหาพรบรถยนต์ที่คุ้มค่า ที่วิริยะประกันภัยเรามีครบจบที่เดียวสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.viriyah.com หรือ โทร.สอบถามได้ที่เบอร์ 0-2129-7474