รถไฟฟ้า VS รถน้ำมัน มีข้อดีแตกต่างกันอย่างไร
อย่างที่ทราบกันดีว่ารถ EV หรือที่เรียกกันติดปากว่า “รถไฟฟ้า” เริ่มได้รับความนิยมในไทยมากขึ้นในปัจจุบัน โดยนับเป็นรถยนต์ทางเลือกใหม่ที่มีกระแสตอบรับดีขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีการรณรงค์เรื่องการประหยัดพลังงานและลดการก่อมลภาวะทางอากาศ ซึ่งส่งผลให้เกิดสภาวะโลกร้อน รวมถึงราคาน้ำมันที่มีความผันผวนและปรับตัวสูงอย่างต่อเนื่อง ภาครัฐจึงมีมาตรการสนับสนุนให้มีการใช้และผลิตรถ EV หรือรถไฟฟ้าในประเทศให้มากขึ้น แต่ก่อนจะตัดสินใจเลือกใช้รถไฟฟ้าเราเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังสงสัยอยู่ว่า รถไฟฟ้า vs รถน้ำมัน แบบไหนดีกว่ากัน มีข้อดีแตกต่างกันอย่างไร เพื่อคลายความสงสัยเหล่านี้อย่ารอช้า เราหาคำตอบมาให้แล้ว
รถยนต์ไฟฟ้า VS รถน้ำมัน มีข้อดีต่างกันอย่างไร?
1.แหล่งพลังงาน
รถ EV : สามารถชาร์จไฟได้จากที่บ้าน เพียงติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกต้องตามมาตรฐานความปลอดภัย (ค่าติดตั้งเริ่มต้นที่ 11,000 บาท) หรือจะใช้บริการที่สถานีชาร์จต่างๆ ตามจุดให้บริการ ซึ่งระยะเวลาในการชาร์จรถ EV จะค่อนข้างนาน ขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องชาร์จ ขนาดของแบตเตอรี่ รวมถึงกำลังไฟฟ้าของเครื่องชาร์จด้วย
รถน้ำมัน : เติมน้ำมันได้ที่ปั๊มน้ำมันทั่วไป โดยใช้ระยะเวลาในการเติมไม่นาน
2.การซ่อมบำรุง
รถ EV : มีชิ้นส่วนอะไหล่ทั้งคันค่อนข้างน้อย จึงทำให้การซ่อมบำรุงรวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ค่าใช้จ่ายในส่วนของแบตเตอรี่ค่อนข้างสูง หากเกิดปัญหากับแบตเตอรี่จนทำให้ต้องเปลี่ยน
รถน้ำมัน : มีอะไหล่จำนวนมากและเครื่องยนต์มีความซับซ้อนกว่ารถ EV จึงทำให้อาจมีการซ่อมบำรุงที่จุกจิกมากกว่ารถ EV รวมถึงค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่สูงอีกด้วย
3.การใช้งานทั่วไป
รถ EV : เครื่องยนต์มีเสียงที่เงียบ และมีอัตราเร่งที่เร็วกว่า
รถน้ำมัน : เครื่องยนต์มีเสียงดัง และมีการกระชากจากเครื่องยนต์มากกว่า
4.ความสิ้นเปลืองพลังงาน
รถ EV : อัตราความสิ้นเปลืองของรถ EV จะเฉลี่ยอยู่ที่ 0.6 - 1 บาทต่อกิโลเมตร
รถน้ำมัน : อัตราสิ้นเปลืองของรถน้ำมัน จะเฉลี่ยอยู่ที่ 3 บาทต่อกิโลเมตร
**ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดเครื่องยนต์ รุ่นรถ อายุการใช้งานและพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ขับขี่เองด้วย
5.ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
รถ EV : รถ EV จะไม่มีการปล่อยมลพิษที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม
รถน้ำมัน : ปล่อยมลพิษที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหากเป็นรถยนต์รุ่นเก่า หรือได้รับการดูแลรักษาที่ไม่ถูกต้อง
ทั้งหมดนี้คือข้อดีและความแตกต่างกันระหว่างรถไฟฟ้า VS รถน้ำมัน หวังว่าจะช่วยให้คนที่กำลังติดสินใจอยู่ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะเลือกใช้รถแบบไหนถึงจะตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์และความชอบของตัวเองกันนะครับ ที่สำคัญไม่ว่าจะใช้รถ EV หรือรถน้ำมัน ก็อย่าลืมที่จะทำประกันรถยนต์ติดรถเอาไว้ เพื่อจะได้รับความคุ้มครองทั้งทรัพย์สินและร่างกายเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
ใครที่กำลังมองหาประกันรถยนต์ที่มีคุณภาพ บริการรวดเร็วทันใจ เป็นธรรมอยู่ เราขอแนะนำประกันภัยรถยนต์ จากวิริยะประกันภัย หลากหลายประกันภัยที่สามารถคุ้มครองรถยนต์ของคุณได้ไม่ว่าจะเป็น ประกันชั้น 1 ที่ดูแลครบ จบทุกความต้องการหรือ ประกันรถยนต์ 2+ ซื้อง่ายคุ้มครองเร็ว หรือประกันรถยนต์ 3+ ประกันคุ้มจบในที่เดียว และใครที่กำลังมองหาการต่อพรบรถยนต์ที่คุ้มค่า ที่วิริยะประกันภัยเรามีครบจบที่เดียวสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.viriyah.com หรือ โทร.สอบถามได้ที่เบอร์ 0-2129-7474