หนีร้อนไปชาร์จพลังที่น้ำตกเอราวัณ แหล่งพักผ่อนสุดฟีลกู๊ดที่ไม่ควรพลาด


อากาศร้อนๆ แบบนี้ หลายคนคงมองหาสถานที่พักผ่อนใกล้ชิดธรรมชาติที่ช่วยให้ร่างกายและจิตใจได้รีเฟรชแบบเต็มที่ "จังหวัดกาญจนบุรี" เป็นหนึ่งในจุดหมายที่ตอบโจทย์สุดๆ เพราะเต็มไปด้วยธรรมชาติ ขุนเขา และแม่น้ำ แถมยังมีน้ำตกสวยๆ ให้เล่นคลายร้อน หนึ่งในนั้นคือ ‘น้ำตกเอราวัณ’ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสวรรค์ 7 ชั้นของคนรักธรรมชาติ เพราะความสวยงามของสายน้ำสีเขียวมรกตและใสราวกับกระจกท่ามกลางป่าธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มาดูกันว่าแต่ละชั้นพิเศษอย่างไร ทำไมร้อนนี้ถึงไม่ควรพลาด
ประวัติน้ำตกเอราวัณ
น้ำตกเอราวัณ เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงของจังหวัดกาญจนบุรี ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ เดิมชื่อว่า ‘น้ำตกสะด่องม่องลาย’ ตามต้นน้ำที่ชื่อลำห้วยม่องลายที่ไหลผ่านหน้าผาและชั้นหินต่างๆ ลดหลั่นลงมาทั้งหมดถึง 7 ชั้น มีระยะทางจากชั้นล่างสุดขึ้นไปชั้นบนสุดรวม 1,500 เมตร ซึ่งแต่ละชั้นจะมีชื่อเรียกแตกต่างกัน และในชั้นที่ 7 ยังมีลักษณะคล้ายเศียรของช้างเอราวัณโดยเฉพาะในช่วงที่มีน้ำตกไหลแรง จึงเป็นที่มาของชื่อ ‘น้ำตกและชื่ออุทยานแห่งชาติเอราวัณ’ บวกกับเป็นน้ำตกที่มีสีฟ้าอมเขียวจากเทือกเขาหินปูน จะเรียกว่าเป็นความงดงามที่ซ่อนความพิเศษไว้ก็คงไม่ผิดนัก
น้ำตกเอราวัณทั้ง 7 ชั้น มีชื่อว่าอะไร และเป็นอย่างไร
อย่างที่บอกไปว่าน้ำตกเอราวัณมีด้วยกันทั้งหมด 7 ชั้น แน่นอนว่าแต่ละชั้นก็มีความสวยงามและชื่อเรียกแตกต่างกัน มาดูกันว่าแต่ละชั้นมีความพิเศษอย่างไร
1. ไหลคืนรัง
ปักหมุดจุดเริ่มต้นของสวรรค์ 7 ชั้น กันที่ชั้นแรกที่มีชื่อว่า ‘ไหลคืนรัง’ น้ำตกขนาดเล็กที่มีความใสสะอาด จะแท็กทีมเล่นน้ำ พักผ่อน นั่งชมธรรมชาติรับลมชิลล์ๆ หรือนั่งกินอาหารก็ได้เช่นกัน
2. วังมัจฉา
มาต่อกันที่ชั้น 2 เรียกว่าเป็นชั้นน้ำตกยอดนิยมของนักท่องเที่ยวก็ว่าได้ เพราะน้ำใสและมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ บริเวณธารน้ำตกกว้างขวางเหมาะกับการลงไปแช่น้ำหรือเล่นน้ำมากๆ แถมยังมีฝูงปลาน้อยใหญ่ให้นั่งชมเพลินๆ สมชื่อวังมัจฉา
3. ผาน้ำตก
ชั้นที่ 3 จะเป็นชั้นผาน้ำตก ถือเป็นอีกหนึ่งชั้นที่มีความสวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจ เพราะจะได้เห็นสายน้ำตกลงจากหน้าผาสูง หรือจะเดินบนสะพานไม้ไปดูน้ำตกจากวิวสูงได้ด้วย นอกจากนี้ยังเป็นชั้นที่โปรโมทความสวยงามความอุดมสมบูรณ์ของอุทยานแห่งชาติเอราวัณด้วย ใครเป็นสายโซเชียลหรืออยากเก็บภาพทิวทัศน์ต้องไม่พลาดชั้น ‘ผาน้ำตก’
4. อกนางผีเสื้อ
ชั้นนี้จะมีลักษณะคล้ายกับหน้าอกของนางผีเสื้อสมุทร และเป็นจุดยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจขึ้นมาโดดน้ำ และเล่นสไลเดอร์ธรรมชาติที่เกิดจากสายน้ำที่พาดไหลเป็นแนวยาวผ่านโขดหิน
5. เบื่อไม่ลง
ไม่ทันไรก็เดินทางมาถึงชั้นที่ 5 กันแล้ว เรียกว่าเป็นชั้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติแบบจัดเต็ม จึงเหมาะกับเป็นจุดแวะพักผ่อน นั่งชมธรรมชาติ ก่อนที่จะเดินไปยังน้ำตกชั้นต่อๆ ไป
6. ดงพฤกษา
ไฮไลท์ของชั้นนี้คือมีสะพานข้ามน้ำตกให้เดินชมความงามของน้ำตก ป่าไม้และพรรณไม้นานาชนิด ที่สำคัญยังเป็นจุดเช็กอินให้ถ่ายรูปเล่นได้หลายจุดอีกด้วย
7. ภูผาเอราวัณ
ฟิตร่างกายจนเดินขึ้นมาถึงชั้นบนสุดของน้ำตกเอราวัณ รับรองไม่ผิดหวัง! เพราะเป็นชั้นน้ำตกที่มีความสวยงามของธรรมชาติมากที่สุด จะลงเล่นน้ำตกที่ไหลจากหน้าผาสูง หรือแค่ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศ ฟังเสียงธรรมชาติก็คุ้มค่ากับความเหนื่อยแน่นอน
ข้อควรระวังในการเล่นน้ำตกเอราวัณ มีอะไรบ้าง
สำหรับการเล่นน้ำ หรือเดินชมความงามของน้ำตกเอราวัณ ทางเพจ อุทยานแห่งชาติเอราวัณ (Erawan National Park) มีประกาศเกี่ยวกับการเล่นน้ำและเที่ยวชมน้ำตกเอราวัณไว้ดังนี้ สามารถเดินเที่ยวชมและลงเล่นน้ำได้ทุกชั้น (ชั้น 1-7) -
- น้ำตกเอราวัณชั้นที่ 1-2 สามารถลงเล่นน้ำได้ถึงเวลา 16.30 น.
- น้ำตกเอราวัณชั้นที่ 3-7 สามารถลงเล่นน้ำได้ถึงเวลา 16.00 น. (งดขึ้นน้ำตกชั้นที่ 3-7 ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป)
- การลงเล่นน้ำทุกชั้นต้องสวมเสื้อชูชีพทุกคน ทุกชั้น จะเตรียมเสื้อชูชีพมาเอง หรือเช่ากับทางอุทยานฯ ก็มีบริการให้เช่าที่น้ำตกชั้นที่ 1 (ค่าเช่าเสื้อชูชีพ 2 ชั่วโมงแรก 20 บาท ชั่วโมงต่อไป 10 บาท)
นอกจากเล่นน้ำที่ตกเอราวัณแล้ว ภายในอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมาย ทั้งร้านอาหาร ลานกางเต็นท์ บ้านพักให้สามารถค้างคืนได้ (ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 800 - 2,400 บาท) และมีค่าเข้าอุทยานฯ
- คนไทย - ผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก 30 บาท
- ชาวต่างชาติ - ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 150 บาท
- ค่ารถยนต์ 30 บาท / ค่ารถจักรยานยนต์ 20 บาท / รถบัส 200 บาท
หมายเหตุ : ผู้พิการได้รับสิทธิ์เข้าฟรี, คนไทยที่มีอายุเกิน 60 ปี เมื่อแสดงบัตรประชาชนเข้าฟรี รวมถึงเด็กๆ นักศึกษาแค่แสดงบัตรนักศึกษาจะได้ลดราคา 50 บาท
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงน้ำตกเอราวัณ มีที่ไหนบ้าง
เล่นน้ำจนหายร้อน เดินเที่ยวชมธรรมชาติสูดอากาศดีๆ จนฉ่ำปอด หรือถ่ายรูปน้ำตกเอราวัณอัปลงโซเชียลจนหนำใจแล้ว บริเวณรอบๆ อุทยานแห่งชาติเอราวัณยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามอีกมากมายให้ไปเช็กอินกันต่อ!
1. ถ้ำพระธาตุ
เป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่และมีความยาวประมาณ 200 เมตร ภายในแบ่งออกเป็น 5 ห้องด้วยกัน ได้แก่ ห้องกบจำศีล ท้องฟ้าจำลอง เสาเอก ม่านลิเก และระฆัง มีหินงอก หินย้อยที่มีรูปร่างสวยงามแปลกตาให้ชมอีกด้วย นอกจากนี้ถ้ำพระธาตุยังเป็นแหล่งศึกษาด้านธรณีวิทยาและแผ่นดินไหว เพราะมีร่องรอยของสภาพรอยเลื่อนที่เกิดจากปรากฎการณ์ธรรมชาติและการเกิดแผ่นดินไหวให้เห็นอยู่ *ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ประมาณ 12 กิโลเมตร
2. ถ้ำวังบาดาล
เป็นถ้ำขนาดเล็กที่มีความลึกประมาณ 500 เมตร ภายในเป็นหินปูนขนาดใหญ่ 2 ชั้น ชั้นบนเป็นหินงอกหินย้อยที่แบ่งออกเป็นหลายห้อง เช่น ห้องม่านพระจันทร์ ที่มีหินงอกหินย้อยลงมาคล้ายกับม่าน ห้องเข็มนารายณ์ จะมีลักษณะเป็นเข็มแท่งใหญ่ที่สวยงามไม่แพ้กัน ส่วนห้องชั้นล่างจะมีลักษณะเหมือนอุโมงค์น้ำขนาดใหญ่ที่มีน้ำไหลผ่านและมีปลาอาศัยอยู่ *ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ประมาณ 54 กิโลเมตร
3. เส้นทางศึกษาธรรมชาติ
ใครยังไหวไปต่อ… แนะนำให้ปักหมุดมาที่เส้นทางศึกษาธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ที่มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 เส้นทาง
- เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าดิบแล้งม่องไล่ เป็นเส้นทางเดินเท้ายาวประมาณ 1,010 เมตร จุดเริ่มต้นจะอยู่ที่สะพานค่ายพักไปบรรจบที่เส้นทางเดินไปยังน้ำตกชั้นที่ 3 ของน้ำตกเอราวัณ *ใช้เวลาในการเดินประมาณ 45 นาที
- เส้นทางศึกษาธรรมชาติเอราวัณ (ป่าไผ่) เป็นเส้นทางเดินเท้าที่มีความลาดชันต่ำ มีลักษณะเป็นลาดยางและคอนกรีตที่มีความกว้างประมาณ 1 เมตรเท่านั้น และมีระยะทางประมาณ 1,000 เมตร *ใช้เวลาในการเดินเที่ยวราวๆ 30 นาที
- เส้นทางศึกษาธรรมชาติเขาหินล้านปี มีความยาวประมาณ 1,940 เมตร จุดเริ่มต้นอยู่ที่บริเวณลานจอดรถอุทยานฯ ไปจนถึงสะพานน้ำตกชั้นที่ 4 *ใช้เวลาเดินประมาณ 2 ชั่วโมง ไฮไลท์คือตลอดเส้นทางจะได้ชื่นชมความสวยงามของป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง และป่าเต็งรัง แถมมีจุดชมวิวสวยงามหลายจุดและมองเห็นน้ำตกเอราวัณชั้นที่ 7 ได้ชัดเจนที่สุด
เก็บข้อมูลไปแน่นขนาดนี้… ใครที่อยากหนีร้อนไปชาร์จพลังท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ บอกเลยว่า น้ำตกเอราวัณ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดในหน้าร้อนนี้ หากมีโอกาสอยากให้ทุกคนได้ไปเที่ยวกัน รับรองถ้าได้มาแล้วนอกจากจะได้รู้ว่าสวรรค์ 7 ชั้น ฟีดกู๊ดแค่ไหน ต้องอยากกลับไปอีกครั้งแน่นอน!
แต่ก่อนออกเดินทางอย่าลืมตรวจสภาพรถยนต์และทำประกันรถยนต์ เพื่อความปลอดภัยและอุ่นใจในการเดินทาง สำหรับใครที่กำลังมองหาประกันรถยนต์ที่มีคุณภาพ บริการรวดเร็วทันใจ เป็นธรรมอยู่ เราขอแนะนำประกันรถยนต์ จากวิริยะประกันภัย หลากหลายประกันภัยที่สามารถคุ้มครองรถยนต์ของคุณได้ไม่ว่าจะเป็น ประกันชั้น 1 ที่ดูแลครบ จบทุกความต้องการหรือจะเป็นประกันรถไฟฟ้า ประกันรถยนต์ 2+ ซื้อง่ายคุ้มครองเร็ว หรือประกันรถยนต์ 3+ ประกันคุ้มจบในที่เดียว รวมถึงประกันรถจักรยานยนต์ และประกันบิ๊กไบค์ที่คุ้มครองสูงสุดทันที รวมถึงใครที่กำลังมองหาพรบรถยนต์ที่คุ้มค่า ที่วิริยะประกันภัยเรามีครบจบที่เดียวสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.viriyah.com หรือ โทร.สอบถามได้ที่เบอร์ 0-2129-7474