ขับรถลุยน้ำอย่างไรไม่ให้รถพัง เครื่องยนต์ดับ
ขับรถลุยน้ำอย่างไรไม่ให้รถพัง เครื่องยนต์ดับ
เนื่องจากช่วงนี้มีฝนตกบ่อยเพราะได้รับอิทธิพลจากพายุ จนบางที่อาจเกิดน้ำท่วมขังบนพื้นผิวจราจรและมีระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งในช่วงเช้าและช่วงเย็น ทำให้ผู้ใช้รถทุกคนจำเป็นจะต้องขับรถลุยน้ำ เพื่อไปให้ถึงจุดหมายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ วันนี้เราจะมาบอกเทคนิคให้กับผู้ใช้รถทุกคน เมื่อต้องขับรถลุยน้ำควรปฏิบัติอย่างไร เพื่อไม่ให้เครื่องยนต์ดับหรือรถพัง!
ขับรถลุยน้ำ ควรปฏิบัติอย่างไร เพื่อให้รถไม่ดับ
- สังเกตระดับความลึกของน้ำ
เมื่อขับรถไปบนถนนและเจอกับเส้นทางที่มีน้ำท่วมขังบนผิวจราจร ให้ทำการประเมินระดับความลึกของน้ำก่อน โดยความลึกของระดับน้ำที่สามารถขับรถลุยน้ำได้ไม่ควรมีน้ำท่วมเกิน 30 เซนติเมตร ซึ่งสามารถสังเกตระดับน้ำได้จากฟุตบาทข้างทาง เพราะฟุตบาทจะมีความสูงที่ 10 - 20 เซนติเมตร หากพบว่าระดับน้ำมีความสูงเกินกว่าฟุตบาท หรือท่วมเกินครึ่งล้อรถ ให้หลีกเลี่ยงเส้นทางจะปลอดภัยกับตัวรถและระบบไฟฟ้ามากกว่า แต่หากระดับน้ำยังอยู่ระดับคงที่ประมาณครึ่งล้อก็สามารถที่จะขับรถลุยน้ำต่อไปได้
- ชะลอความเร็วก่อนถึงจุดน้ำท่วมขัง
หากมีความจำเป็นที่จะต้องขับรถลุยน้ำแนะนำให้ชะลอความเร็วของรถ เพราะหากขับรถลุยน้ำด้วยความเร็วสูงอาจทำให้รถเสียการทรงตัวได้ ดังนั้นเวลาขับรถลุยน้ำควรใช้ความเร็วต่ำและสม่ำเสมอ โดยเลี้ยงรอบให้นิ่งที่สุดประมาณ 1,500 - 2,000 รอบต่อนาที หากรถที่ขับเป็นเกียร์ธรรมดาควรใช้เกียร์ 1 หรือ 2 แต่ถ้ารถเป็นเกียร์ออโตเมติกควรใช้เกียร์ L ในการขับขี่
- เลือกเลนในการขับขี่
การขับรถไปยังพื้นผิวจราจรที่มีน้ำท่วมขัง การเลือกเลนในการขี่รถลุยน้ำเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้รถของคุณสามารถขับลุยน้ำไปได้ โดยควรเลือกเลนที่มีระดับน้ำต่ำจะช่วยให้ปลอดภัย ไม่เสี่ยงที่จะทำให้เครื่องยนต์ดับอีกด้วย
- ใช้ความเร็วต่ำและสม่ำเสมอ
การใช้ความเร็วต่ำและคงที่ในการขับรถลุยน้ำ จะช่วยให้น้ำที่ท่วมขังบนถนนไม่ตีกลับมาเข้าเครื่องยนต์ และยังเป็นการป้องกันน้ำกระเด็นไปยังผู้ที่ใช้ถนนร่วมกันอีกด้วย นอกจากใช้ความเร็วต่ำและคงที่แล้ว การย้ำเบรกหรือคลัตช์ก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นเดียวกัน เพื่อเป็นการไล่น้ำออกจากเบรกสำหรับรถที่เป็นเกียร์ออโต้ และป้องกันคลัตช์ลื่นสำหรับรถเกียร์ธรรมดา
- ปิดแอร์ เมื่อขับรถลุยน้ำ
การปิดแอร์จะช่วยลดระดับน้ำที่เสี่ยงจะกระจายเข้าเครื่องยนต์ได้ครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว เนื่องจากพัดลมแอร์จะพัดเอาน้ำที่ท่วมเข้าไปยังห้องเครื่องซึ่งเสี่ยงต่อเครื่องยนต์ดับได้ นอกจากนี้ควรระวังขยะที่ลอยมากับน้ำด้วย เพราะอาจจะเข้าไปติดกับพัดลมแอร์ และทำให้ระบบระบายอากาศร้อนขึ้นมาและเสียได้
- รักษาระยะห่างกับรถคันหน้า
เมื่อขับรถลุยน้ำท่วมขังประสิทธิภาพของผ้าเบรกจะลดน้อยลง อาจทำให้เกิดอาการเบรกไม่อยู่ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณและผู้ร่วมทาง การรักษาระยะห่างระหว่างรถ 2 - 3 ช่วงคัน ขณะขับรถลุยน้ำท่วม จะช่วยให้คุณปลอดภัยจากการเกิดอุบัติเหตุได้
- ห้ามดับเครื่องยนต์ทันที
เมื่อขับรถลุยน้ำมาจนถึงจุดหมายแล้วห้ามดับเครื่องยนต์ทันที สิ่งที่ควรคือจอดทิ้งไว้ก่อน เพื่อเป็นการไล่น้ำและความชื้นที่อาจตกค้างอยู่ในท่อไอเสียระเหยออกไปจนหมดก่อน จึงค่อยดับเครื่องยนต์
หากคุณจำเป็นต้องขับรถลุยน้ำท่วม ลองนำวิธีที่เรานำมาฝากไปลองใช้กันดู นอกจากจะช่วยให้ขับรถลุยน้ำท่วม ไม่เสี่ยงเครื่องยนต์ดับกลางทางแล้ว ยังเป็นการป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นอีกด้วย ที่สำคัญควรทำประกันรถยนต์เอาไว้เพื่อความอุ่นใจในการขับขี่ หากขับรถลุยน้ำท่วมมาและมีปัญหาจะได้ส่งเคลมประกันได้ทันที
สำหรับใครที่กำลังมองหาประกันรถยนต์ที่มีคุณภาพ บริการรวดเร็วทันใจ เป็นธรรม เราขอแนะนำประกันภัยรถยนต์ จากวิริยะประกันภัย หลากหลายประกันภัยที่สามารถคุ้มครองรถยนต์ของคุณได้ไม่ว่าจะเป็น ประกันชั้น 1 ที่ดูแลครบ จบทุกความต้องการหรือ ประกันรถยนต์ 2+ ซื้อง่ายคุ้มครองเร็ว หรือประกันรถยนต์ 3+ ประกันคุ้มจบในที่เดียว และใครที่กำลังมองหาการต่อพรบรถยนต์ที่คุ้มค่า ที่วิริยะประกันภัยเรามีครบจบที่เดียวสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.viriyah.com หรือ โทร.สอบถามได้ที่เบอร์ 0-2129-7474