ไขข้อสงสัย รถยนต์ EV ขับลุยน้ำได้หรือไม่? ปลอดภัยหรือเปล่า?

ไขข้อสงสัย รถยนต์ EV ขับลุยน้ำได้หรือไม่? ปลอดภัยหรือเปล่า?
ไขข้อสงสัย รถยนต์ EV ขับลุยน้ำได้หรือไม่? ปลอดภัยหรือเปล่า?

     

      ปัญหาฝนตกหรือน้ำท่วมรอการระบายมักเป็นสิ่งที่กวนใจผู้ใช้รถทุกคน เพราะการขับรถฝ่าฝนหรือลุยน้ำท่วมอาจสร้างความเสียหายให้กับตัวรถได้ โดยเฉพาะผู้ใช้รถยนต์ EV คงกังวลไม่น้อย เนื่องจากรถยนต์ EV เป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก การขับขี่ลุยฝนหรือลุยน้ำท่วมคงไม่ใช่เรื่องดีนัก วันนี้เราเลยจะพาไปคลายข้อสงสัยกันว่าจริงๆ แล้วรถยนต์ EV สามารถขับลุยน้ำได้ไหม? ปลอดภัยหรือไม่? พร้อมแล้วไปหาคำตอบกัน

 

รถยนต์ EV ลุยน้ำได้ไหม?

อย่างที่ทราบกันดีว่ารถยนต์ EV คือรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการติดตั้งแบตเตอรี่เอาไว้ใต้ท้องรถเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่ทำให้รถสามารถขับเคลื่อนได้ ดังนั้นการที่จะขับขี่รถยนต์ EV ลุยบนถนนที่มีน้ำท่วมขังสูง หรือพื้นที่ที่รอการระบายน้ำอยู่นั้นคงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไร แต่ด้วยเทคโนโลยียานยนต์สมัยนี้ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ EV หลายแบรนด์สามารถพัฒนารถยนต์ EV ให้สามารถขับลุยน้ำได้ เนื่องจากรถทุกคันจำเป็นต้องผ่านมาตรฐานการทดสอบเรื่อง IP (Ingress Protection) Rating ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานในการป้องกันของแข็งและของเหลวที่จะแทรกซึมเข้าไปภายในระบบที่ถูกกำหนดโดย International Electro-technical Commission (IEC) ให้สามารถป้องกันความเสียหายจากกรณีน้ำท่วมขังได้ในระดับ IP67 ได้นั่นเอง

 

รถยนต์ EV ขับลุยน้ำได้นานแค่ไหน?

ถึงเเม้ว่ารถยนต์ EV จะมีการทดสอบมาตรฐาน IP มาแล้วก็ตาม แต่ถ้าอยากให้รถยนต์ EV คันโปรดของคุณสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและใช้งานได้เป็นเวลานาน การทำตามข้อกำหนดที่อยู่ในคู่มือการใช้งานของรถจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ดังนี้

1.เลือกมาตรฐาน IP (Ingress Protection) 

เนื่องจากมาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่นนี้ จะมีตัวเลขกำกับอยู่ 2 หลักด้วยกัน โดยหลักแรกจะบอกถึงความสามารถในการป้องกันของแข็ง (0-6) ส่วนหลักที่สองจะบอกถึงความสามารถในการป้องกันของเหลว (0-9K) ซึ่งถ้าตัวเลข 2 หลักนี้สูงก็ยิ่งป้องกันน้ำและฝุ่นได้มาก เช่น IP67 (เป็นค่า IP มาตรฐานที่รถยนต์ EV ส่วนใหญ่มี) หมายถึง รถยนต์ EV คันนี้สามารถป้องกันฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันของเหลวที่จะแทรกซึมเข้ามาภายในระบบได้ในความลึกสูงสุด 1 เมตร เป็นเวลานานถึง 30 นาที เป็นต้น

**หมายเหตุ : หากอยากให้รถยนต์ EV ของคุณสามารถขับลุยน้ำได้ดีขึ้น ให้เลือกรถยนต์ EV ที่มีค่ามาตรฐาน IP สูงทั้ง 2 หลัก เนื่องจากในพื้นผิวถนนที่มีน้ำท่วม ไม่ได้มีเพียงแค่น้ำเป็นส่วนประกอบหลัก แต่ยังมีเศษขยะ ฝุ่นละออง ฯลฯ ปะปนอยู่ด้วย

 

2.ความสูงของรถยนต์

รถยนต์ที่มีพื้นใต้ท้องรถสูงก็จะทำให้ลุยน้ำได้ดียิ่งขึ้น เพราะรถยนต์ EV บางรุ่นมีการติดตั้งแบตเตอรี่ไว้ที่ใต้ท้องรถ หากถนนที่ใช้สัญจรไปมาทุกวันเป็นพื้นที่เสี่ยงเกิดน้ำท่วมอยู่บ่อยๆ การเลือกซื้อรถยนต์ EV ที่มีพื้นใต้ท้องรถสูงก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่จะช่วยให้คุณสามารถขับขี่ลุยน้ำได้ แต่ถึงแม้จะสามารถขับลุยน้ำได้ก็ควรหลีกเลี่ยงพื้นที่น้ำท่วมหากไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้เส้นทางนั้นๆ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพก่อนเวลา และเป็นการยืดอายุการใช้งานให้กับอะไหล่ต่างๆ ของรถยนต์ EV ด้วย

 

หากจำเป็นต้องขับรถลุยน้ำท่วม ต้องทำอย่างไร?

 

1.ความใช้ความเร็วต่ำ

การใช้ความเร็วต่ำ โดยให้ความเร็วของรถอยู่ที่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะช่วยป้องกันรถจากกระแสน้ำที่จะไหลเข้ามาใต้ท้องรถ และยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากการควบคุมรถไม่อยู่ขึ้นได้

2.ปิดแอร์

หากขับรถลุยน้ำท่วมทั้งๆ ที่เปิดแอร์ไปด้วย อาจทำให้ใบพัดที่ทำหน้าที่กระจายความเย็นจากแอร์พัดเอาน้ำเข้าสู่เครื่องยนต์และส่วนอื่นๆ ภายในรถจนอาจทำให้รถดับได้ ดังนั้นควรปิดแอร์ทุกครั้งเมื่อต้องขับผ่านพื้นที่น้ำท่วมขัง

3.รักษาระยะห่างกับรถคันหน้า

การรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าไม่เพียงช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุ ป้องกันการชนท้ายรถคันหน้าได้แล้ว ยังช่วยให้คุณมีพื้นที่และเวลาคิดหากรถคันหน้าเกิดอุบัติเหตุหรือมีการเบรกรถกะทันหันนั่นเอง

 

4.หลีกเลี่ยงพื้นที่น้ำท่วมสูง

ถึงเเม้รถยนต์ EV จะสามารถขับลุยน้ำท่วมได้ แต่การหลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีน้ำท่วมขังสูงอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าการขับลุยน้ำท่วมสูงเป็นเวลานาน เพราะนอกจากเป็นการป้องกันน้ำแทรกซึมเข้าสู่ระบบต่างๆ ภายในรถแล้ว ยังช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางได้อีกด้วย

5.ไม่ดับรถทันทีเมื่อจอด

การดับเครื่องยนต์ทันทีหลังจากขับลุยน้ำท่วมมา อาจสร้างความเสียหายให้กับระบบต่างๆ และรถได้ ดังนั้นเมื่อถึงจุดหมายแล้วควรติดเครื่องยนต์เอาไว้ก่อนเพื่อเป็นการระบายน้ำออก และทำให้สามารถตรวจเช็กความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นกับตัวรถยนต์ได้ด้วย

 

ชาร์จเเบตเตอรี่ตอนฝนตกได้หรือไม่?

คำตอบคือ สามารถชาร์จแบตเตอรี่ตอนฝนตกได้ เพราะตัวหัวชาร์จแบตเตอรี่นี้ถูกออกแบบมาให้สามารถใช้งานตอนฝนตกได้ อีกทั้งตัวแท่นชาร์จแบตเตอรี่ยังมีการติดตั้งสายดิน รวมถึงการถ่ายเทน้ำเพื่อไม่ให้เกิดการท่วมขังด้วย นอกจากนี้รถยนต์ EV ยังมีระบบที่สามารถตรวจจับการลัดวงจรของระบบไฟฟ้าด้วย ซึ่งหากเกิดการลัดวงจรระบบจะทำการตัดไฟอัตโนมัติ ทั้งนี้ควรหมั่นทำความสะอาดและตรวจเช็กที่ชาร์จให้แห้งก่อนทำการชาร์จจะปลอดภัยที่สุด

 

      จากข้อมูลที่เรานำมาฝากคงคลายความสงสัยของผู้ใช้รถยนต์ EV กันได้แล้วว่า รถยนต์ EV สามารถขับลุยน้ำท่วมได้หรือไม่? ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ หากมีความจำเป็นที่ต้องขับลุยน้ำท่วมขังหรือฝนตกหนัก ควรปฏิบัติตามคู่มือรถที่กำหนดเอาไว้อย่างเคร่งครัด รวมถึงการมีสติและระมัดระวังตลอดการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการขับด้วยความเร็วต่ำ การเว้นระยะห่าง รวมถึงการหาเส้นทางที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ก็จะช่วยป้องกันให้แบตเตอรี่รถยนต์ EV คันโปรดสามารถใช้งานได้นานขึ้นแล้ว

      ใครที่กำลังมองหาประกันรถยนต์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพ บริการรวดเร็วทันใจ เป็นธรรมอยู่ เราขอแนะนำประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า จากวิริยะประกันภัย หลากหลายประกันภัยที่สามารถคุ้มครองรถยนต์ของคุณได้ไม่ว่าจะเป็น ประกันชั้น 1 ที่ดูแลครบ จบทุกความต้องการหรือ ประกันรถยนต์ 2+ ซื้อง่ายคุ้มครองเร็ว หรือประกันรถยนต์ 3+ ประกันคุ้มจบในที่เดียว และใครที่กำลังมองหาการต่อพรบรถยนต์ที่คุ้มค่า ที่วิริยะประกันภัยเรามีครบจบที่เดียวสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.viriyah.com หรือ โทร.สอบถามได้ที่เบอร์ 0-2129-7474  

อ่านบทความอื่นๆ