ต้นไม้หักล้มทับรถ เคลมประกันได้หรือไม่ ใครรับผิดชอบ?
อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้แบบไม่ทันตั้งตัว โดยเฉพาะอุบัติเหตุที่เกิดจากต้นไม้ล้มทับรถ ที่อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นลมแรง พายุเข้า ฝนตกหนัก ทำให้ผู้ใช้รถหลายๆ คนอาจไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร และใครต้องเป็นผู้รับผิดชอบ อีกทั้งหากเกิดอุบัติเหตุในลักษณะนี้จะสามารถเคลมประกันรถกับบริษัทประกันภัยได้หรือไม่? วันนี้เรามีคำตอบมาฝาก
ต้นไม้ล้มทับรถแบบนี้ ใครต้องรับผิดชอบ
1.จอดรถในที่ห้ามจอด
ต้นไม้ล้มทับรถจนเกิดความเสียหาย มักเกิดขึ้นได้จากหลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ไปจนถึงการดูแลต้นไม้ ซึ่งเป็นเรื่องที่สร้างความปวดหัวให้กับเจ้าของรถหลายคน แต่ถ้าเกิดจากความประมาทของเจ้าของรถเอง อย่างการจอดรถในที่ห้ามจอด และโดนต้นไม้ล้มทับใส่รถ เจ้าของรถจะไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้ อีกทั้งยังต้องรับผิดชอบค่าเสียหายเองทั้งหมดอีกด้วย
2.ต้มไม้ที่ล้มทับรถไม่มีเจ้าของ
นอกจากความประมาทอย่างการจอดรถในที่ห้ามจอดแล้ว ต้นไม้ล้มทับรถยังเป็นเหตุสุดวิสัยที่สามารถเกิดขึ้นได้เองด้วย ซึ่งหากต้นไม้ที่ล้มทับรถไม่มีเจ้าของ ผู้ที่เป็นเจ้าของรถจะไม่สามารถเอาผิดกับใครได้ และยังต้องเสียค่าซ่อมเองทั้งหมด แต่ถ้าคุณทำประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองในส่วนนี้อย่างประกันรถยนต์ชั้น 1 ก็จะได้รับค่าชดเชยความเสียหายในส่วนนี้แทน
3.ต้นไม้ของหน่วยงานราชการล้มทับรถ
ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ของ กทม. หรือหน่วยงานราชการต่างๆ ล้มทับใส่รถของคุณ หน่วยงานนั้นๆ จะต้องรับผิดชอบ ซึ่งคุณสามารถเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นได้ รวมไปถึงค่ารักษาพยาบาลหากมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
ต้นไม้ล้มทับรถแบบนี้ ประกันรถยนต์ชั้นไหนให้ความคุ้มครองบ้าง
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมอย่างประกันรถยนต์ชั้น 1 สามารถเคลมประกันในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณีได้ ผู้ใช้รถที่ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 จึงหมดห่วงไปได้เลย แต่หากทำประกันรถยนต์ชั้น 2+ หรือประกันรถยนต์ชั้น 3+ รวมถึงชั้นอื่นๆ อาจต้องสอบถามไปยังบริษัทประกันภัยที่ทำอยู่ว่าอยู่ในเงื่อนไขที่จะได้รับความคุ้มครองหรือไม่ หากเกิดเหตุสุดวิสัยอย่างต้นไม้ล้มทับรถแบบนี้ เนื่องจากบริษัทประกันภัยแต่ละแห่งมีเงื่อนไขความคุ้มครองที่แตกต่างกันนั่นเอง
วิธีป้องกันอุบัติเหตุต้นไม้ล้มทับใส่รถ มีอะไรบ้าง
1.ตรวจเช็กสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง
การตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางจะช่วยให้ผู้ใช้รถทุกคนสามารถคาดการณ์สภาพอากาศที่จะพบเจอระหว่างทางได้ โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่มีโอกาสเกิดลมแรง ฝนตกหนัก หรือมีพายุเข้า ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่อาจทำให้เกิดเหตุต้นไม้ล้มทับรถ ดังนั้นการตรวจสอบสภาพอากาศ นอกจากจะช่วยให้ผู้ใช้รถคาดการณ์ได้แล้ว ยังช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงจุดเสี่ยงที่จะเจอกับเหตุสุดวิสัยแบบนี้ได้อีกด้วย
2.จอดรถในที่ปลอดภัย
การเลือกจุดจอดรถในที่ปลอดภัย อย่างการหลีกเลี่ยงจอดรถใต้ต้นไม้ใหญ่ หรือหลีกเลี่ยงการจอดรถข้างๆ ต้นไม้ในช่วงที่มีอากาศแปรปรวน เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้คุณไม่ต้องปวดหัวและเสียเวลากับเหตุการณ์ต้นไม้ล้มทับรถหรือกิ่งไม้หล่นลงมาใส่หลังคารถนั่นเอง
3.ทำประกันรถยนต์
การทำประกันรถยนต์ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่วิธีป้องกันอุบัติเหตุต้นไม้ล้มทับรถ แต่ก็ยังช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ เพราะเหตุการณ์ต้นไม้ล้มทับรถนั้น บางครั้งคุณไม่สามารถหาคนรับผิดชอบได้ การทำประกันรถยนต์นอกจากจะช่วยให้คุณอุ่นใจแล้ว ยังช่วยให้ไม่ต้องกังวลเวลาเคลมประกัน อีกทั้งไม่ต้องเสียเวลากับการตามหาคนผิดมารับผิดชอบในกรณีที่ต้นไม้มีเจ้าของ
ต้นไม้ล้มทับรถอาจเป็นเหตุสุดวิสัยที่หลายคนไม่อยากเจอ ดังนั้นเมื่อมีความจำเป็นต้องจอดรถนอกตัวอาคาร การเลือกที่จอดรถที่ปลอดภัยและห่างไกลจากต้นไม้ จะช่วยลดความเสี่ยงที่รถของคุณจะถูกต้นไม้ล้มทับหรือกิ่งก้านของต้นไม้หล่นใส่หลังคารถได้อย่างแน่นอน ที่สำคัญอย่าลืมทำประกันรถยนต์เพื่อรับความคุ้มครองที่ครอบคลุม เมื่อเกิดเหตุสุดวิสัยแบบนี้ขึ้นกับตัวเอง
ใครที่กำลังมองหาประกันรถยนต์ที่มีคุณภาพ บริการรวดเร็วทันใจ เป็นธรรมอยู่ เราขอแนะนำประกันภัยรถยนต์ จากวิริยะประกันภัย หลากหลายประกันภัยที่สามารถคุ้มครองรถยนต์ของคุณได้ไม่ว่าจะเป็น ประกันชั้น 1 ที่ดูแลครบ จบทุกความต้องการหรือ ประกันรถยนต์ 2+ ซื้อง่ายคุ้มครองเร็ว หรือประกันรถยนต์ 3+ ประกันคุ้มจบในที่เดียว และใครที่กำลังมองหาการต่อพรบรถยนต์ที่คุ้มค่า ที่วิริยะประกันภัยเรามีครบจบที่เดียวสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่www.viriyah.com หรือ โทร.สอบถามได้ที่เบอร์ 0-2129-7474